โรคซิฟิลิสกับโรคเอดส์ เหมือนกันไหม ทั้งสองโรคเกิดจากเชื้ออะไร ติดต่อได้ผ่านช่องทางไหน และสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่
เอดส์เป็นคำที่มักใช้เรียกกันติดปากเรียกแทนการติดเชื้อ HIV แต่ในความเป็นจริงแล้ว เอดส์ คือ ระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี
โรคซิฟิลิสกับโรคเอดส์ เหมือนกันไหม
โรคซิฟิลิส (Syphilis) และโรคเอดส์ (AIDS) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย แต่ทั้งสองโรคมีความแตกต่างกันในหลายๆ ด้าน ได้แก่:
สาเหตุ
- โรคซิฟิลิส: เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum
- โรคเอดส์: เกิดจากเชื้อไวรัส Human Immunodeficiency Virus (HIV)
การแพร่เชื้อ
- โรคซิฟิลิส: ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก การรับเลือดจากผู้มีเชื้อ การสัมผัสโดยตรงกับแผลซิฟิลิส และสามารถติดเชื้อได้จากแม่สู่ลูกระหว่างการตั้งครรภ์หรือคลอด
- โรคเอดส์: ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก การใช้เข็มฉีดยาร่วมกันกับผู้ที่มีเชื้อHIV การรับเลือดจากผู้มีเชื้อ และการติดจากแม่สู่ลูกระหว่างการตั้งครรภ์ การคลอด หรือการให้นมแม่
อาการ
- โรคซิฟิลิส: มีระยะการแสดงอาการ 4 ระยะคือ ระยะที่ 1 มีตุ่มเล็ก ๆ และจะแตกเป็นแผลที่ไม่เจ็บที่บริเวณที่ติดเชื้อ ระยะที่ 2 มีผื่นขึ้นทั่วร่างกาย มีไข้ ระยะที่ 3 อาการสงบจะไม่ค่อยพบอาการใด ๆ ระยะที่ 4 หรือระยะสุดท้ายจะมีผลกระทบต่ออวัยวะต่างๆ เช่น หัวใจ สมอง
- โรคเอดส์: ผู้ติดเชื้อ HIV อาจไม่มีอาการในระยะแรก หรืออาจจะมีแต่เป็นเพียงอาการที่มักเกิดขึ้นได้กับโรคอื่น ๆ และไม่นานก็มักจะหายไปเอง อีกทั้งมีระยะสงบนานหลายปี แต่เมื่อเชื้อไวรัสทำลายระบบภูมิคุ้มกันจนร่างกายอ่อนแอมากพอ จะเกิดโรคเอดส์ ซึ่งมีอาการของการติดเชื้อต่างๆ ที่เป็นการติดเชื้อฉวยโอกาสและมีโอกาสเสียชีวิตได้ง่าย
การรักษา
- โรคซิฟิลิส: รักษาด้วยยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) เช่น เพนิซิลลิน (Penicillin) หากรักษาในระยะแรกๆ จะมีโอกาสหายขาดสูง
- โรคเอดส์: ไม่มีวิธีรักษาที่ทำให้หายขาด แต่สามารถควบคุมโรคได้ด้วยยาต้านไวรัส (Antiretroviral therapy หรือ ART) ซึ่งช่วยลดปริมาณเชื้อไวรัสในร่างกายและเพิ่มคุณภาพชีวิต จำเป็นต้องกินยาตลอดชีวิตในทุก ๆ วัน ห้ามขาดยาหรือหยุดยาเอง
การป้องกัน
- โรคซิฟิลิส: การใช้ถุงยางอนามัย การมีคู่นอนคนเดียว และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ
- โรคเอดส์: การใช้ถุงยางอนามัย การใช้เข็มฉีดยาที่สะอาดไม่ใช่ร่วมกับผู้อื่น การตรวจสุขภาพเป็นประจำ และการใช้ยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อ (PrEP) สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
การตรวจวินิจฉัย
- โรคซิฟิลิส: ตรวจจากตัวอย่างเลือดหรือการตรวจเชื้อจากแผล
- โรคเอดส์: ตรวจเลือดเพื่อหาแอนติบอดีต่อเชื้อ HIV หรือการตรวจปริมาณไวรัสในเลือด ปัจจุบันเอชไอวีสามารถตรวจหาการติดเชื้อด้วยตนเองได้แล้ว
อินสติ ชุดตรวจHIV ด้วยตนเอง ตรวจจากตัวอย่างเลือดปลายนิ้ว ชุดตรวจHIV คุณภาพ มาตรฐานจากประเทศแคนาดา ได้รับการรับรองจาก WHO Prequalified, CE Marked และ Health Canada ผ่านอย.ไทย เป็นที่เรียบร้อย เลขอย. 64-2-1-1-0000679
ด้วยเทคโนโลยีจากทางผู้ผลิตทำให้ อินสติ ชุดตรวจHIV ด้วยตนเอง ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำขึ้น และรู้ผลรวดเร็วขึ้น สามารถอ่านผลได้เลยใน 1 นาที สามารถใช้ตรวจในผู้ที่ได้รับความเสี่ยงมาแล้วกว่า 21 วัน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะโรคซิฟิลิส หรือโรคเอดส์ ทั้งสองโรคนี้มีความสำคัญในการป้องกันและรักษาอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อและผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว
มีจำหน่ายที่ร้านขายยาทั่วไป สามารถเข้าไปค้นหาร้านขายยาที่มีอินสติ ได้ที่ ร้านจำหน่าย INSTI
หรือสั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชัน Grab , LINE MAN , Foodpanda , Lalamove เข้าไปที่แอพแล้วเลือกร้าน Boots เสิร์จ คำว่า ชุดตรวจเอชไอวี หรือคำว่า อินสติ หรือ Insti
ผ่านอีกหนึ่งช่องทางคือสั่งซื้อผ่านทางผู้นำเข้าโดยตรง ได้ที่
Line OA: @insti
Facebook: อินสติ insti ชุดตรวจเอชไอวี
Shopee: INSTi_THAILANDHIVTEST
Lazada: INSTi_THAILANDHIVTEST
Tiktok: Insti.thailand-v2
Line Shopping: insti
Website: thailandhivtest.com