หลายๆ ท่านที่ใช้ชีวิตสุ่มเสี่ยง เช่น Unsafe sex หรือ สัมผัสน้ำคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ HIV
อาจกำลังสงสัยว่าตัวท่านเอง หรือคนใกล้ตัวท่าน ติดเชื้อ HIV หรือไม่
หากติดแล้วจะมีอาการยังไง… บันทึกนี้มีคำตอบครับ
เอดส์ ติดต่อกันได้อย่างไร
- การร่วมเพศ โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยไม่ว่าชายกับชาย ชายกับหญิง หรือหญิงกับหญิง
ทั้งช่องทางธรรมชาติ หรือไม่ธรรมชาติ ก็ล้วนมีโอกาสติดโรคนี้ได้ทั้งสิ้น และปัจจัยที่ทำให้มี
โอกาสติดเชื้อมากขึ้น ได้แก่ การมีแผลเปิด สำนักระบาดวิทยาเปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ประมาณร้อยละ
80 ของผู้ป่วยเอดส์ ได้รับเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ - การรับเชื้อทางเลือด ใช้เข็มหรือกระบอกฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อเอดส์ มักพบในกลุ่มผู้ฉีดยาเสพติด
และหากคนกลุ่มนี้ติดเชื้อก็สามารถถ่ายทอดเชื้อเอดส์ได้ - ทารก ติดเชื้อจากแม่ที่ติดเชื้อเอดส์ การแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูก ผู้หญิงที่ติดเชื้อเอดส์ หากตั้งครรภ์
และไม่ได้รับการดูแลอย่างดี เชื้อ HIV จะแพร่ไปยังลูกได้ในอัตราร้อยละ 30
เอดส์ มีอาการอย่างไร
ระยะที่ 1: ระยะที่ไม่มีอาการอะไร
ภายใน 2 – 3 อาทิตย์แรกหลังจากได้รับเชื้อเอดส์เข้าไป ราวร้อยละ 10 ของผู้ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายๆ ไข้หวัด
คือมีไข้ เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ต่อมน้ำเหลืองโต ผื่นตามตัว แขน ขาชาหรืออ่อนแรง เป็นอยู่ราว 10 – 14 วันก็จะหายไปเอง
ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาจไม่สังเกต นึกว่าคงเป็นไข้หวัดธรรมดาราว 6 – 8 สัปดาห์ภายหลังติดเชื้อ ถ้าตรวจเลือดจะเริ่มพบว่ามีเลือดเอดส์บวกได้
แต่ส่วนใหญ่จะตรวจพบว่ามีเลือดเอดส์บวกภายหลัง 3 เดือนไปแล้ว โดยที่ผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการอะไรเลย
คนที่มีเลือดเอดส์บวกจะมีไวรัสเอดส์อยู่ในตัวและสามารถแพร่โรคให้กับคนอื่นได้
น้อยกว่าร้อยละ 5 ของคนที่ติดเชื้ออาจต้องรอถึง 6 เดือน
กว่าจะมีเลือดเอดส์บวกได้ ดังนั้นคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น แอบไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา
โดยไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัยป้องกัน หากตรวจตอน 3 เดือน แล้วไม่พบ ก็ต้องไปตรวจซ้ำอีกตอน 6 เดือน
โดยในระหว่างนั้นก็ต้องใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งเวลามีเพศสัมพันธ์และห้ามบริจาคโลหิตให้ใคร
ผู้ติดเชื้อบางรายอาจมีต่อมน้ำเหลืองตามตัวโตอยู่เป็นระยะเวลานานๆ คือเป็นเดือนๆ ขึ้นไป
โดยต่อมน้ำเหลืองที่โตนี้มีลักษณะเป็นเม็ดกลมๆ แข็งๆ ขนาด 1 – 2 เซนติเมตร อยู่ใต้ผิวหนังบริเวณด้านข้างคอทั้ง 2 ข้าง
ข้างละหลายเม็ดในแนวเดียวกัน คลำดูแล้วคลายลูกประคำที่คอไม่เจ็บ ไม่แดง นอกจากนี้ยังอาจพบได้ที่รักแร้และขาหนีบทั้ง 2 ข้าง
ต่อมน้ำเหลืองเหล่านี้จะเป็นที่พักพิงในช่วงแรกของไวรัสเอดส์
ระยะที่ 2: ระยะที่เริ่มมีอาการหรือระยะที่มีอาการสัมพันธ์กับเอดส์
เป็นระยะที่คนไข้เริ่มมีอาการ แต่อาการนั้นยังไม่มากถึงกับจะเรียกว่าเป็นโรคเอดส์เต็มขั้น อาการในช่วงนี้อาจเป็นไข้เรื้อรัง
น้ำหนักลด หรือท้องเสียงเรื้อรัง โดยไม่ทราบสาเหตุ นอกจากนี้อาจมีเชื้อราในช่องปาก, งูสวัด, เริมในช่องปาก หรืออวัยวะเพศ
ผื่นคันตามแขนขาลำตัวคล้ายคนแพ้น้ำลายยุง แต่ไม่ใช่ว่ามีอาการเหล่านี้จะต้องเหมาว่าติดเชื้อเอดส์ไปทุกราย
ถ้าสงสัยควรปรึกษาแพทย์ และตรวจเลือดพิสูจน์
ระยะที่ 3: ระยะโรคเอดส์เต็มขั้น หรือที่ภาษาทางการเรียกว่าโรคเอดส์
เป็นระยะที่ภูมิต้านทานของร่ายกายเสียไปมากแล้ว ผู้ป่วยจะมีอาการของการติดเชื้อจำพวกเชื้อฉกฉวย
และมีโอกาสเป็นมะเร็งบางชนิด การติดเชื้อฉกฉวยโอกาส หมายถึง การติดเชื้อที่ปกติมีความรุนแรงต่ำไม่ก่อโรคในคนปกติ
แต่ถ้าคนนั้นมีภูมิต้านทานต่ำลง เช่น จากการเป็นมะเร็ง วัณโรค ปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ท้องเสียเรื้อรัง
จอตาติดเชื้อทำให้ตาบอด ติดเชื้อที่ผิวหนัง ต่อมน้ำเหลือง ฯ นอกจากนี้คนไข้โรคเอดส์อาจมีอาการทางจิตทางประสาท
อาจมีอาการหลงลืมก่อนวัยอัมพาตครึ่งท่อน ปัสสาวะ อุจจาระไม่ออก เป็นต้น ในแต่ละปีหลังติดเชื้อเอดส์ ร้อยละ 5 – 6 ของผู้ที่ติดเชื้อ
จะก้าวเข้าสู่ระยะเอดส์เต็มขั้น ส่วนใหญ่ของคนที่เป็นโรคเอดส์เต็มขั้นแล้ว จะเสียชีวิตภายใน 2 – 4 ปี
จากโรคติดเชื้อฉกฉวย หรือค่อยๆ ซูบซีดหมดแรงไปในที่สุด
น่ากลัวมากนะครับ ทางที่ดี เมื่อสงสัยควรไปปรึกษาแพทย์และตรวจเลือด จากข้อมูลที่ให้ไว้ คือไปตรวจเลือดหลังจากวันที่คิดว่ารับเชื้อ 3 เดือน และตรวจซ้ำเมื่อครบ 6 เดือน แต่ทางที่ดีที่สุด คือ ใช้ชีวิตไม่ประมาท สิ่งใดที่เสี่ยง ก็อย่าไปทำ
พลาดเป็นเอดส์มาแล้ว ทั้งชีวิตนะครับ และอาจไม่ใช่แค่ชีวิตคุณ … ที่ต้องเสียไป