ที่ตรวจhiv คืออะไร ใช้งานได้จริงหรือไม่ แล้วจะแม่นยำแค่ไหน
ที่ตรวจ hiv ต้องยอมรับเลยว่า การตรวจเอชไอวีในปัจจุบัน ถือเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นพื้นฐาน ที่ควรจะตรวจสักครั้ง ของวัยเจริญพันธุ์อย่างเรามาก ๆ หรือ วัยที่เริ่ม มีเพศสัมพันธ์ และมันไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยที่จะตรวจ เพราะผู้ที่เข้ารับการตรวจ HIV ก็ใช่ว่าจะต้องเป็นผู้ที่ติดเชื้อแล้วเสมอไป
บางบุคคล อาจจะมีโอกาสที่จะได้รับความเสี่ยงบ่อย บางบุคคลไม่ได้ป้องกัน เมื่อมีเพศสัมพันธ์ หรือ อาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้น บางบุคคลก็ตรวจ เพื่อวางแผนมีบุตร ไม่ว่าจะอย่างไร ก็เป็นเพียงการตรวจเช็ค เพื่อให้รู้เท่าทันโรคเท่านั้น เพราะหากไม่ตรวจเลย จะยิ่งทำให้เป็นอันตรายต่อชีวิต
เทคโนโลยีการตรวจปัจจุบันนี้การตรวจหาเชื้อเอชไอวี จะแบ่งออกเป็น 3 วิธีการตรวจด้วยกัน คือ
- การตรวจแบบ NAT (Nucleic Acid Testing) เป็นวิธีการตรวจ หาสารพันธุกรรม ของเชื้อเอชไอวี โดยเป็นวิธี ที่ถือว่ามี ความไว และแม่นยำ
โดยสามารถตรวจ พบเชื้อได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์หลัง การติดเชื้อ ส่วนใหญ่แล้ว ทางการแพทย์ ยังไม่มีการนำมาใช้ ในการตรวจทั่วไป
- การตรวจแบบ Anti-HIV antibody เป็นการ ตรวจหาภูมิคุ้นเคย หรือภูมิคุ้มกัน ที่ร่างกายของเรา ได้สร้างขึ้นมา เพื่อต้านทาน ต่อเชื้อไวรัสเอชไอวี ที่เข้าสู่ร่างกาย
ซึ่งวิธีการตรวจนี้ จะสามารถตรวจพบเชื้อ ได้หลังจาก ที่ร่างกายได้รับเชื้อ มาแล้วที่ 3 สัปดาห์ ถึง 3 เดือน
- การตรวจแบบ PCR (Polymerase Chain Reaction) เป็นเทคนิคการตรวจหา สารพันธุกรรม ในระดับ อณูชีวโมเลกุล
ซึ่งวิธีนี้จะ สามารถตรวจได้ ในเด็กทารก ที่อาจได้รับ ความเสี่ยงจากมารดา หลังคลอดตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป และตรวจได้ กับผู้ใหญ่ที่มีความเสี่ยง ต่อการติดเชื้อตั้งแต่ 14 วันขึ้นไป
นอกจาก วิธีการตรวจ ดังที่กล่าวมาที่ใช้กันในสถานพยาบาลแล้ว ในปัจจุบันได้มี ที่ตรวจ hiv แบบตรวจคัดกรอง Rapid Test ที่อนุญาต ให้ประชาชนสามารถใช้ ตรวจด้วยตนเองได้
เพราะใช้งานง่าย และทราบผล ได้เลยภายใน 15 นาที โดยตรวจ จากเลือดปลายนิ้ว เพียงไม่กี่หยด ซึ่งในตอนนี้ ก็มีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ
- ชุดตรวจHIV แบบตรวจหาแอนติบอดี ที่มีต่อเชื้อเอชไอวี สามารถใช้ตรวจได้ เมื่อได้รับ ความเสี่ยงมาแล้ว มากกว่า 21 วัน
- ชุดตรวจHIV แบบตรวจหาแอนติบอดี และแอนติเจน ในชุดตรวจเดียวกัน สามารถใช้ตรวจได้ เมื่อได้รับ ความเสี่ยงมาแล้ว มากกว่า 14 วัน
ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ได้รับการพัฒนาขึ้นมา เพื่อใช้ใน การ ตรวจคัดกรองเบื้องต้น ด้วยตนเอง โดยทางการแพทย์ได้ มีการทดสอบ
และปรับปรุง จนได้เป็นชุดตรวจ ที่มี ความแม่นยำในการตรวจ ทั้งยัง สะดวก ใช้งานง่าย รวมไปถึง มีความปลอดภัย ต่อผู้ที่ ทำการตรวจอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หากใครที่พบว่าตนเองมีคงามเสี่ยง การเลือกใช้ ชุดตรวจHIV ตรวจคัดกรองให้ตัวเองก่อน ก็เป็นตัวเลือกและทางออกที่ดี แต่ควรเลือกชุดตรวจที่มีมาตรฐาน ผ่านการรับรองจากอย.ไทย
ทั้งนี้ การใช้ชุดตรวจเอชไอวี ด้วยตนเอง เป็นเพียง การตรวจ คัดกรองเบื้องต้น เท่านั้น หาก ผลตรวจเป็นบวก เท่ากับว่า คุณมีความเสี่ยงในการติดเชื้อสูง หรือ มีความเสี่ยง ในการติดเชื้อ HIV จริง ควรเข้ารับ การตรวจยืนยันผลที่ สถานพยาบาล โดยเร็ว ที่สุด และหาก ผลเป็นลบ แต่ยังคงรู้สึกไม่สบายใจ ก็สามารถ ตรวจซ้ำอีกครั้งได้ ที่ระยะเวลาเสี่ยงนานขึ้น