การตรวจ NAT แม่นยำแค่ไหน ความรู้และข้อเท็จจริงที่ควรรู้

By | ตุลาคม 1, 2024

การตรวจ NAT แม่นยำแค่ไหน

การตรวจ NAT แม่นยำแค่ไหน ข้อมูลที่ถูกต้องและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความแม่นยำ เพื่อการตรวจเชื้อเอชไอวีและการรับมือกับสถานการณ์เอดส์ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) นับว่าเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่ทั่วโลกให้ความสำคัญอย่างสูง ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การวิจัยทางการแพทย์จึงมุ่งเน้นในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตรวจหาเชื้อเอชไอวีอย่างแม่นยำและรวดเร็ว หนึ่งในนั้นคือ การตรวจแบบ NAT (Nucleic Acid Testing) ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในการตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสต่างๆ โดยเฉพาะไวรัสเอชไอวี

 

NAT คืออะไร?

NAT ย่อมาจาก Nucleic Acid Testing หรือการตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัสโดยตรง เทคโนโลยีนี้สามารถตรวจหา RNA ของไวรัสเอชไอวีได้ ซึ่งเป็นสารพันธุกรรมที่ไวรัสใช้ในการแบ่งตัวภายในเซลล์ของร่างกาย ทำให้ NAT เป็นการตรวจที่แม่นยำและรวดเร็วกว่าเทคโนโลยีแบบดั้งเดิม
โดยปกติแล้ว เมื่อติดเชื้อเอชไอวี ร่างกายจะเริ่มสร้างแอนติบอดีเพื่อรับมือกับเชื้อไวรัส ซึ่งการตรวจแอนติบอดีนี้เองคือวิธีการตรวจหาเชื้อเอชไอวีแบบดั้งเดิมที่มีการใช้อย่างแพร่หลาย แต่การตรวจ NAT สามารถตรวจพบเชื้อได้แม้ยังไม่เกิดการสร้างแอนติบอดี ทำให้ NAT มีความไวสูง และสามารถตรวจพบเชื้อในระยะเริ่มต้นของการติดเชื้อ หรือที่เรียกว่า acute infection ได้เร็วกว่า

การตรวจ NAT แม่นยำแค่ไหน?

คำตอบ คือ จากการวิจัยและข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน NAT นับเป็นการตรวจที่มีความไว (sensitivity) และความจำเพาะ (specificity) สูงมาก

เนื่องจาก NAT สามารถตรวจหาตัวไวรัสได้โดยตรง ผลการตรวจสามารถระบุได้ว่ามีการติดเชื้อเอชไอวีอยู่ในร่างกายหรือไม่ในระยะเวลาหลังการสัมผัสเชื้อเพียง 7-14 วัน ซึ่งเร็วกว่าการตรวจแอนติบอดีที่อาจต้องใช้เวลาถึง 2-3 สัปดาห์หลังการติดเชื้อ

นอกจากนี้ การตรวจ NAT ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจคัดกรองเลือดและพลาสมาในธนาคารเลือด เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อทางการให้เลือด นับเป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อการป้องกันการแพร่เชื้อเอชไอวีในสังคม

อย่างไรก็ตาม แม้ NAT จะมีความแม่นยำสูง แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการ โดยเฉพาะในเรื่องของต้นทุนที่สูงกว่าการตรวจแบบดั้งเดิม และกระบวนการตรวจที่ซับซ้อนกว่า ทำให้ NAT มักใช้ในการตรวจคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้บริจาคเลือด หรือผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีสูง

 

สถานการณ์เอดส์ในปัจจุบัน

การแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีทั่วโลกในปัจจุบันยังคงเป็นปัญหาสำคัญ แม้ว่าจะมีความก้าวหน้าในเรื่องการรักษาและการป้องกันก็ตาม ข้อมูลจาก UNAIDS รายงานว่า ในปี 2022 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีทั่วโลกประมาณ 38.4 ล้านคน และในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตจากเอดส์ประมาณ 650,000 คน

ในประเทศไทย สถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวีก็ยังคงน่าเป็นห่วง จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าในปี 2566 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 5,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์มากกว่า 1,000 ราย แม้ว่าการรักษาด้วยยาต้านไวรัส (ART) จะช่วยยืดชีวิตผู้ติดเชื้อและลดการแพร่เชื้อ แต่การตรวจหาเชื้อเอชไอวีอย่างแม่นยำและรวดเร็วก็ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้มีการส่งเสริมการใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV self-testing) ซึ่งช่วยให้ประชาชนสามารถตรวจหาเชื้อได้ด้วยตนเองที่บ้าน นับว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยกระจายการตรวจคัดกรองเชื้อเอชไอวีในวงกว้าง และช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อในสังคม

 

ในอนาคต การตรวจหาเชื้อเอชไอวีด้วยเทคโนโลยี NAT มีแนวโน้มที่จะพัฒนาให้มีความรวดเร็วมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถใช้ได้ง่ายและมีต้นทุนต่ำลง เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการตรวจคัดกรองเชื้อเอชไอวีได้มากขึ้น รวมถึงการผสานกับนโยบายและโครงการต่างๆ ในการป้องกันการแพร่เชื้อ เช่น โครงการการใช้ยา PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) ที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี

ความแม่นยำและความรวดเร็วในการตรวจ NAT ทำให้เทคโนโลยีนี้มีบทบาทสำคัญในการลดการแพร่เชื้อในสังคม โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ ยังเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการตรวจคัดกรองผู้บริจาคเลือดในธนาคารเลือด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อผ่านการรับเลือด

เทคโนโลยีการตรวจ NAT นับเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีความแม่นยำสูงและรวดเร็วในการตรวจหาเชื้อเอชไอวี ทำให้สามารถตรวจพบเชื้อได้ในระยะเริ่มต้นของการติดเชื้อ และมีบทบาทสำคัญในการลดการแพร่ระบาดของเชื้อในสังคม อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น ต้นทุนที่สูงและการตรวจที่ซับซ้อน แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในอนาคต คาดว่า NAT จะมีบทบาทมากขึ้นในการตรวจคัดกรองเชื้อเอชไอวีในกลุ่มประชากรที่กว้างขึ้น

สำหรับผู้ที่สนใจการตรวจหาเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง ปัจจุบันมีชุดตรวจเอชไอวีที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งสามารถตรวจได้ง่าย รวดเร็ว และมีความแม่นยำ หนึ่งในนั้นคือชุดตรวจเอชไอวีด้วยตัวเองจากแบรนด์ อินสติ (INSTI) มีความไวสูง สามารถตรวจพบเชื้อได้ภายใน 1 นาที ทำให้คุณสามารถทราบผลการตรวจได้อย่างรวดเร็ว และมั่นใจในผลการตรวจ

 


อินสติ

อินสติ มีจำหน่ายที่ร้านขายยาทั่วไป สามารถเข้าไปค้นหาร้านขายยาที่มีอินสติ ได้ที่ ร้านจำหน่าย INSTI 

หรือสั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชัน Grab , LINE MAN , Foodpanda , Lalamove เข้าไปที่แอพแล้วเลือกร้าน Boots เสิร์จ คำว่า ชุดตรวจเอชไอวี หรือคำว่า อินสติ หรือ Insti

ผ่านอีกหนึ่งช่องทางคือสั่งซื้อผ่านทางผู้นำเข้าโดยตรง ได้ที่

Line OA: @insti

Facebook: อินสติ insti ชุดตรวจเอชไอวี

Shopee: INSTi_THAILANDHIVTEST

Lazada: INSTi_THAILANDHIVTEST

Tiktok:  Insti.thailand-v2

Line Shopping: insti

Website: thailandhivtest.com