องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ประกาศว่าไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียแปซิฟิคที่สามารถกำจัดการติดเชื้อ HIV จากแม่สู่ลูกได้
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วโลกยกย่องว่า ไทยเป็นประเทศแรกในโลกที่มีการระบาดในวงกว้างของเชื้อ HIV และสามารถหาทางป้องกันการแพร่ของโรค เพื่อทำให้เกิด “AIDS-free generation” หรือประชากรรุ่นที่ไม่มีการติดเชื้อ HIV ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเอดส์
ความสำเร็จครั้งนี้มีปัจจัยเอื้ออำนวยจากบริการด้านสุขภาพที่ทั่วถึง การตรวจโรคก่อนคลอด และการให้ความรู้จากหน่วยงานต่างๆ และนอกจาก HIV แล้ว ไทยยังประสบความสำเร็จในการหยุดการระบาดของโรคซิฟิลลิสจากมารดาสู่ทารกด้วย
Mukta Sherma โฆษกขององค์การอนามัยโลกให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว Ron Corben ของวีโอเอว่า เมื่อมองย้อนกลับไป ไทยเป็นประเทศแรกๆ ในโลก ที่สนใจทดลองยาต้านไวรัส HIV และเป็นประเทศแรกๆ ที่ใช้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การแพทย์เข้าแก้ไขปัญหา ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นในปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมา
ระหว่างปี ค.ศ. 2000 และ 2014 จำนวนสตรีที่ติดเชื้อ HIV รายใหม่ลดลงเกือบร้อยละ 90 จาก 15,000 รายมาอยู่ที่ 1,900 ราย และเมื่อปีที่แล้ว มีเด็กเกิดใหม่ในประเทศไทย 86 คนติดเชื้อ HIV เทียบกับ 1,000 รายเมื่อสิบปีก่อน
หากว่าสตรีมีครรภ์ที่ติดเชื้อ HIV ไม่ได้รับการดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสม โอกาสของการแพร่เชื้อสู่ลูกมีสูงถึงกว่าร้อยละ 30 ความเสี่ยงต่อการถ่ายทอดเชื้ออาจเกิดขึ้นระหว่าง ตอนคลอดและการให้นมทารกหลังคลอด
แต่ความเสี่ยงนี้จะลดลงเหลือ 1% กว่าๆ เท่านั้น ถ้ามารดาได้รับยาต้านไวรัสขณะตั้งครรภ์
กระทรวงสาธารณสุขไทยกล่าวว่า ร้อยละ 98 ของสตรีมีครรภ์ที่ติดเชื้อ HIV สามารถเข้าถึงยาต้านไวรัสและการบำบัดต่างๆ และนั่นทำให้อัตราการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูกเหลือเพียงไม่ถึง 2%
นอกจากนั้น การตรวจเชื้อ HIV สำหรับประชากรกลุ่มนี้ยังอยู่ในระดับสูงสุดของเอเชียแปซิฟิกด้วย และในกลุ่มเด็กแรกคลอด ทารกยังได้รับการดูแลทางการแพทย์อย่างทั่วถึงด้วย
Mukta Sherma โฆษกของ WHO บอกว่า ไทยมีระบบสาธารณสุขที่แข็งแกร่งมาก และประชาชนได้รับการดูแลด้านสุขภาพอย่างทั่วถึง ซึ่งร่วมถึงบริการทางการแพทย์ต่อสตรีก่อนการคลอดด้วย
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จจากการต่อสู้กับการแพร่ของ HIV จากมารดาสู่ทารกของไทยในระดับมหภาค ไม่ได้หมายความว่าความสูญเสียระดับบุคคลจะหมดไป
หน่วยงานด้านเอดส์ของสหประชาชาติประเมินว่า ในประเทศไทยยังมีสตรี 2 แสนคนที่อายุ 15 ปีขึ้นไปที่มีเชื้อ HIV และเด็กอีก 7,000 คนที่ติดไวรัสนี้อยู่
กระทรวงสาธารณสุขไทยหวังว่า จะสามารถใช้ประสบการณ์การต่อสู้กับการระบาดของ HIV ช่วงที่ผ่านมา ในการกำจัดโรคเอดส์ให้หมดไปภายในปี ค.ศ. 2030 หรืออีก 14 ปีจากนี้