ติดเชื้อ HIV กี่ ปี ถึง จะ ออก อาการ ทำความรู้จักกับ 3 ระยะของการติดเชื้อ

ติดเชื้อ HIV กี่ ปี ถึง จะ ออก อาการ

ติดเชื้อ HIV กี่ ปี ถึง จะ ออก อาการ ทำความรู้จักกับ 3 ระยะของการติดเชื้อ ตั้งแต่ระยะแรกจนกระทั่งถึงระยะสุดท้าย

ว่ากันด้วยเรื่องของเชื้อHIV หลาย ๆ คนก็คงพอจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่บางท่านก็ยังคงพึ่งเคยได้ยิน มาทำความรู้จักกันเบื้องต้นกันดีกว่า

HIV : Human Immunodeficiency Virus เป็นเชื้อไวรัสชนิหนึ่งที่ทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 และจะทำลายไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นมาได้อีก กระทั่งเข้าสู่การป่วยเป็นโรคเอดส์

 

อาการติดเชื้อHIV ทั้ง 3 ระยะ

ระยะที่ 1 : เฉียบพลัน อาการเหมือนเจ็บป่วยด้วยโรคอื่น ๆ ทั่วไป

– จะมีอาการเกิดขึ้นในช่วง 2-4 weeks แรกหลังได้รับเชื้อ คือ มีไข้ เป็นหวัด ปวดศีรษะ อาจจะปวดเมื่อยตามร่างกายบ้าง หรืออาจจะพบผื่นตามตัว

– จะเห็นว่าอาการการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ คล้ายกับป่วยด้วยไข้หวัดธรรมดา ไม่มีอะไรชัดเจนที่บ่งบอกว่าติดเชื้อ HIV

– อาการที่เกิดขึ้นเป็นเพียงกลไกการตอบสนองของร่างกาย ที่เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมในที่นี่ก็คือ HIV เข้าสู่ร่างกายทำลาย เซลล์เม็ดเลือดขาวCD4 ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันตกลง และพยายามที่จะสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวCD4 ขึ้นมาใหม่

– อาการต่าง ๆ หายไปได้เอง ในเพียงไม่กี่สัปดาห์ เพราะภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นใหม่ แต่อย่างไรก็ตามการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันจะไม่สามารถทำงานได้ดีเท่าก่อนรับเชื้อ

 

ระยะที่ 2 : แฝง ไม่ค่อยมีอาการอะไร หรือแทบไม่มีเลย

– เชื้อเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป อาจจะใช้เวลากว่า 8 – 10 ปี กว่าเชื้อไวรัสนี้ จะสามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันของเราให้อ่อนแอกระทั่ง ไม่สามารถต่อสู้กับเชื้ออื่น ๆ ที่เข้าสู่ร่างกายได้ หรือเข้าสู่ระยะที่ 3

– อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้รับการรักษา และไม่ได้ใส่ใจเรื่องสุขภาพมากนัก อาจจะเข้าสู่ระยะที่ 3 ไวกว่าที่คาดการณ์ไว้

 

ระยะที่ 3 : โรคเอดส์ ระยะสุดท้ายของการติดเชื้อ HIV

– ระบบภูมิคุ้มกันถูกทำลายจนอ่อนแอกระทั่งไม่สามารถต่อสู้หรือต้านทานกับเชื้อHIV และเชื่ออื่น ๆ ที่เข้าสู่ร่างกายได้อีก

– ร่างกายอ่อนแอมาก เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคฉวยโอกาส โรคแทรกซ้อน

– โดนไวรัสเอชไอวีทำลายระบบภูมิคุ้มกันซ้ำ ๆ รวมถึงเชื้ออื่น ๆ ที่เข้าสู่ร่างกายอีก

– เสี่ยงเสียชีวิต รักษาให้หายยาก

 

ดังนั้น หากถามว่า ติดเชื้อ HIV กี่ ปี ถึง จะ ออก อาการ

คำตอบ คือ มีอาการเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มรับเชื้อ แต่เป็นเพียงแค่อาการเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนป่วยทั่วไป หายได้เอง ตลอดจนเข้าสู่ระยะที่ 2 อาจจะมีอาการบ้าง หรือไม่มีอาการเลย และจะเริ่มมีอาการแสดงจริงจัง ตอนปลายระยะที่ 2 ที่กำลังจะเข้าสู่ระยะที่ 3 ซึ่งอาจจะใช้เวลา 8-10 ปี หรือเร็วกว่านั้น แล้วแต่บุคคล

 

ในเมื่อสังเกตจากอาการได้ยาก แล้วจะทราบได้อย่างไรว่าติดเชื้อHIV

แน่นอว่าจำเป็นต้องตรวจเท่านั้น ซึ่งถ้าหากไม่อยากจะไปตรวจที่สถานพยาบาลไม่ว่าด้วยเหตุผลใด แนะนำให้ชุดตรวจHIV ด้วยตนเอง ของอินสติ คุณภาพมาตรฐาน ผ่านรับรองจากหน่วยงานระดับสากล นำเข้าจากแคนาดา รู้ผลใน 1 นาที ด้วยเทคโนโลยีใหม่แม่นยำขึ้น รู้ผลรวดเร็วขึ้น

 

 


สามารถหาซื้อชุดตรวจHIV ด้วยตนเองได้ที่ ร้านBoots, ร้านยากรุงเทพ, ร้าน P&F smooth life, Save Drug ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ INSTIใกล้บ้านฉัน

หรือสามารถสั่งซื้อผ่านทางผู้นำเข้าได้โดยตรง ทางแพลตฟอร์มต่าง ๆ Line OA: @insti , Facebook: อินสติ insti ชุดตรวจเอชไอวี , Shopee: INSTi_THAILANDHIVTEST , Lazada: INSTi_THAILANDHIVTEST , Line Shopping: insti , TikTok Shop: อินสติ INSTi , Website: thailandhivtest.com

 

เลือดบวกเกิดจากอะไร จำเป็นต้องเป็นHIV อย่างเดียวหรือไม่

เลือดบวกเกิดจากอะไร

เลือดบวกเกิดจากอะไร จำเป็นต้องเป็นHIV อย่างเดียวหรือไม่ แล้วถ้าเลือดบวกต้องทำอย่างไรต่อไป

 

เลือดบวก หรือผลบวก ในทางการแปลผลการตรวจเลือด คือ การที่การตรวจหรือการทดสอบนั้น ตัวอย่างเลือดได้เกิดปฏิกิริยาขึ้นกับน้ำยาทดสอบ (Reactive) โดยบางทีอาจจะแสดงผลเป็นค่าตัวเลข และมีการสรุปผลรายงานผลออกมาอีกทีเป็นคำว่า Reactive หรือคำว่า Positive หรือผลบวก

 

ในขณะเดียวกัน หากตัวอย่างเลือดไม่เกิดปฏิกิริยาใด ๆ กับน้ำยาทดสอบ (Non-Reactive) ก็จะมีการสรุปผลรายงานผลออกมาอีกทีเป็นคำว่า Non-Reactive หรือ Negative หรือผลลบ

 

ดังนั้น เลือดบวก ก็คือการรายงานผลการตรวจทดสอบเลือด ในกรณีที่ผลเลือดของคุณเกิด Reactive ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าตรวจหาอะไร และจะแปลความหมายตามการตรวจหานั้น ไม่จำเป็นจะต้องเป็นการตรวจหาHIV เท่านั้น

 

แต่ที่หลาย ๆ ท่าน เข้าใจว่าเลือดบวก เท่ากับติดเชื้อเอชไอวี เพราะเป็นคำยอดนิยมที่มักใช้กัน ในเรื่องเอชไอวี

 

ยกตัวอย่างการแปลผล ตรวจหาเชื้อ HIV ผลการทดสอบคือ Reactive หรือ Positive เท่ากับว่าผลเลือดเป็นบวก สามารถแปลความหมายได้ว่า คุณติดเชื้อเอชไอวี

 

ทั้งนี้ HIV เลือดบวกเกิดจากอะไร เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อย่อว่า HIV และชื่อเต็มว่า Human immunodeficiency virus ซึ่งมีหลายสายพันธุ์  และพัฒนาไปสู่การเป็นโรคเอดส์ พบการรายงานผู้ป่วยครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2524 ไม่นานก็พบรายงานในประเทศอื่น ๆ ในไทยพบผู้ป่วยเอดส์รายแรกในปี พ.ศ. 2527

ช่องทางในการติดเชื้อ HIV

  1. เพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน
  2. ติดต่อจากเลือดสู่เลือด
  3. การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น

 

ทำไมถึงต้องระวังในเรื่องการติดเชื้อ HIV

เพราะHIV ยังไม่มียาที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ มีเพียงยาต้านไวรัสที่ต้องทานต่อเนื่องทุก ๆ วัน วันละ 1 เม็ด ไปตลอด เพื่อหยุดยั้งการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนเชื้อ หยุดการดำเนินของโรค ทำให้เชื้อไม่ทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ผู้ป่วยมีสุขภาพที่ดีดังเดิม ไม่ป่วยด้วยโรคฉวยโอกาส

 

 

ถ้าเลือดบวกต้องทำอย่างไรต่อไป

อย่างที่กล่าวข้างต้น ในเรื่องทำไมถึงต้องระวังในเรื่องการติดเชื้อ HIV ดังนั้นผู้ที่มีเลือดบวก หรือติดเชื้อเอชไอวีแล้วนั้น ก็จะต้องเข้ารับการรักษาโดยทันที ยิ่งตรวจพบเร็ว รักษาเร็ว ยิ่งช่วยให้การรักษาเป้นไปได้ด้วยดี ผู้ป่วยวางแผนดูแลสุขภาพ ไม่ป่วย อายุขัยไม่สั้น เสี่ยงเสียชีวิต แต่ที่สำคัญคือต้องมีวินัยในการทานยา ต้องทานทุกวันในช่วงเวลาที่เหมือนกัน ห้ามขาด

 

 

 

การตรวจเอชไอวีไม่ใช่เรื่องยาก สามารถตรวจด้วยตนเองได้ไม่ต้องอายใคร หากตรวจคัดกรองด้วยตนเองแล้วพบว่าผลเป็นบวก ก็ให้รีบไปตรวจยืนยันที่สถานพยาบาลทันที เพื่อเข้าสู่ระบบการรักษาอย่างรวดเร็ว

 

 

 

 

สามารถหาซื้อชุดตรวจHIV ด้วยตนเองได้ที่ ร้านBoots, ร้านยากรุงเทพ, ร้าน P&F smooth life, Save Drug ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ INSTIใกล้บ้านฉัน

หรือสามารถสั่งซื้อผ่านทางผู้นำเข้าได้โดยตรง ทางแพลตฟอร์มต่าง ๆ Line OA: @insti , Facebook: อินสติ insti ชุดตรวจเอชไอวี , Shopee: INSTi_THAILANDHIVTEST , Lazada: INSTi_THAILANDHIVTEST , Line Shopping: insti , TikTok Shop: อินสติ INSTi , Website: thailandhivtest.com

 

 

 

ชุดตรวจ HIV ร้าน Boots ยี่ห้ออะไร มีจำหน่ายที่สาขาไหนบ้าง ปรึกษาเภสัชพร้อมสั่งซื้อง่าย ๆ

ชุดตรวจ HIV ร้าน Boots

ชุดตรวจ HIV ร้าน Boots ยี่ห้ออะไร มีจำหน่ายที่สาขาไหนบ้าง ปรึกษาเภสัชพร้อมสั่งซื้อง่าย ๆ

 

Boots ร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ ด้านความงาม และยาจากประเทศอังกฤษ มีสาขาในประเทศไทยมากมาย แบบคลอบคลุมเกือบทุกจังหวัด

 

ชุดตรวจ HIV ร้าน Boots ยี่ห้อที่จำหน่ายอยู่ที่ร้านขายยานี้ ได้แก่ อินสติ (INSTI) HIV Self Test ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง แบรนด์ดังจากประเทศแคนาดา ได้รับอนุญาตให้นำเข้าและจำหน่ายในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เลขที่ใบอนุญาต 64-2-1-1-0000679

 

วิธีการใช้งานง่ายมาก เพียงใช้ตัวอย่างเลือดปลายนิ้ว 2-3 หยด หยดลงในขวดน้ำยาที่ 1 เขย่าแรง ๆ และเทลงตลับ เมื่อซึมจนหมดก็เขย่าน้ำยาขวดที่ 2 แรง ๆ แล้วเทลงตลับ สุดท้ายเมื่อซึมจนหมดก็เขย่าน้ำยาขวดที่ 3 แรง แล้วเทลงตลับ ตามลำดับ รอน้ำยาซึมหมดแล้วอ่านผลได้ทันที ไม่ต้องรอ 15 นาที

 

มาตรฐานของ อินสติ ชุดตรวจHIV ด้วยตนเอง ผ่านการรับรองจาก WHO Prequalified (ตามหลักเกณ์ขององค์การอนามัยโลก), CE Marked (มาตรฐานสำคัญในยุโรป), Health Canada (หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบด้านสุขภาพในประเทศแคนาดา)

 

ทำให้เราสามารถมั่นใจได้ในเรื่องของคุณภาพและความปลอดภัย รวมถึงวิธีการใช้งานที่แสนจะง่าย เหมาะกับการใช้งานด้วยตนเองได้ ทั้งนี้ ผลการตรวจประเมินวิเคราะห์คุณภาพ จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า อินสติ ชุดตรวจHIV ด้วยตนเอง  มีความแม่นยำมากกว่า 99% คือ Sensitivity 99.5% Specificity 100% ซึ่งผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามที่ตั้งไว้

 

 

ทำไมถึงต้องซื้อ ชุดตรวจHIV ด้วยตนเอง ที่ร้าน Boots

  1. 1. คุณจะได้รับชุดตรวจHIV ด้วยตนเองที่เป็นสินค้าแท้ 100%
  2. 2. หาซื้อได้ง่าย เพราะมีสาขาจำหน่ายมากมายในไทย สามารถตรวจสอบสถานที่จำหน่าย อินสติได้ที่ INSTIใกล้บ้านฉัน หรือสั่งผ่าน Grab , LINE MAN , Foodpanda , Lalamove เลือกร้าน Boots > เสิร์จ คำว่า ชุดตรวจเอชไอวี / อินสติ Insti
  3. 3. มีบริการให้คำปรึกษา โดยเภสัชกร

 

คำแนะนำเบื้องต้นในการใช้งาน

  1. 1. หยดตัวอย่างเลือดลงในขวดที่หนึ่ง (สีแดง) ให้เพียงพอ แนะนำ 2-3 หยด เน้น ๆ

สำคัญมาก! ควรหยดเลือดลงไปในขวดโดยตรงให้เลือดสัมผัสกับน้ำยา ไม่ควรปาดเลือดไว้ที่ปากขวด เนื่องจากเลือดอาจจะค้างอยู่บนปากขวดมากกว่าที่จะลงไปผสมกับน้ำยา

  1. 2. เขย่าน้ำยาทุกขวดก่อนเทลงตลับ

สำคัญมาก! ขวดที่ 1 เมื่อหยดตัวอย่างเลือดลงไปแล้ว ให้ทำการเขย่าแรง ๆ ได้เลย จากนั้นก็เทลงตลับ รอจนซึม และเทขวดต่อไป ตามลำดับ เช่นกันสำหรับขวดที่ 2 และ 3 ไม่ต้องผสมอะไร สามารถเขย่าแรง ๆ ก่อนเทได้เลย

 

 

ทั้งนี้การตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับประชาชน หากไม่สะดวกใจที่จะไปโรงพยาบาลหรือคลินิกก็สามารถ หาซื้อมาตรวจด้วยตนเองได้ก่อนที่บ้านง่าย ๆ สามารถใช้ตรวจได้บ่อยเท่าที่ต้องการ สำหรับผู้ที่คาดว่ามีโอกาสจะได้รับความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวี

 

 

หรือสามารถสั่งซื้อผ่านทางผู้นำเข้าได้โดยตรง ทางแพลตฟอร์มต่าง ๆ Line OA: @insti , Facebook: อินสติ insti ชุดตรวจเอชไอวี , Shopee: INSTi_THAILANDHIVTEST , Lazada: INSTi_THAILANDHIVTEST , Line Shopping: insti , TikTok Shop: อินสติ INSTi , Website: thailandhivtest.com

 

Oral Sex ติดเอดส์ไหม การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน

Oral Sex ติดเอดส์ไหม

Oral Sex ติดเอดส์ไหม การทำออรัลเซ็กซ์ หรือการทำรักด้วยปาก เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมทางเพศยอดนิยม ทั้งควรให้ผู้โดนกระทำสวมใส่ถุงยางอนามัย เพื่อความปลอดภัยของอีกฝ่ายที่เป็นผู้กระทำ เพราะอะไรนั้นเรามีคำตอบ

 

Oral Sex เสี่ยงอะไรไหม?

เคยได้ยินบ้างหรือไม่ว่าการสวมใส่ถุงยางอนามัยจะช่วยให้เราปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่าง ๆ เช่น HIV หนองใน ซิฟิลิส เริม รวมถึงโรคอื่น ๆ เช่น มะเร็งในช่องปาก มะเร็งต่อมทอนซิล เป็นต้น

 

Oral Sex ติดเอดส์ไหม ดังนั้น หากคู่นอนไม่สวมใส่ถุงยางอนามัย ก็อาจจะให้ฝ่ายที่เป็นผู้ทำ Oral Sex มีโอกาสที่จะติดเชื้อ HIV ซึ่งเป็นเหตุนำไปสู่การเป็นเอดส์ รวมถึงโรคอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ยิ่งถ้าในแผลมีปากหรือมีเลือดออกยิ่งทำให้มีโอกาสเสี่ยงมากขึ้น

 

Oral Sex อย่างไรให้ปลอดภัย

สวมใส่ถุงยางอนามัย และงดการทาลิปมันเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ถุงยางอนามัยขาด อีกทั้งควรสำรวจตนเองก่อนว่าไม่มีแผลในช่องปาก สำหรับผู้ที่จัดฟันก็ควรจะต้องระมัดระวังไม่ให้บาดหรือทำลายถุงยางอนามัย นอกจากนี้ควรโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อ โดยการไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ

 

ไม่มีใครทราบหรอกว่าคู่นอนของเรา เดิมทีแล้วมีพฤติกรรมเสี่ยงหรือไม่ หรือป่วยเป็นโรคอะไรอยู่หรือเปล่า จนกว่าจะมีการตรวจโรค หรือมีอาการบางอย่างเกิดขึ้นแล้วตรวจพบทีหลัง ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี ส่วนมากมักจะไม่ทราบว่าได้รับเชื้อมาจากใคร หรือติดมาตอนไหน

 

ดังนั้น การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ล้วนแล้วแต่มีโอกาสเสี่ยงทำให้เกิดการติดเชื้อบางอย่างได้ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม

 

มาถึงตรงนี้การป้องกัน และการตรวจหาเชื้อเอชไอวีจึงกลายเป็นเรื่องที่สำคัญจริง ๆ สำหรับผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงอยู่บ่อย ๆ เรามาดูกันว่าปัจจุบันนี้มีวิธีการตรวจเอชไอวีแบบใดบ้าง

  1. NAT สามารถตรวจได้หลังได้รับความเสี่ยงมากว่า 7 วันขึ้นไป
  2. forth generation สามารถตรวจได้หลังได้รับความเสี่ยงมากว่า 14 วัน
  3. Anti-HIV สามารถตรวจได้หลังได้รับความเสี่ยงมากว่า 21 วัน
  4. PCR สามารถตรวจได้หลังได้รับความเสี่ยงมากว่า 14 วัน
  5. ชุดตรวจHIV ด้วยตนเอง สามารถตรวจได้หลังได้รับความเสี่ยงเท่าใด ขึ้นอยู่กับแต่ละแบรนด์ ตัวอย่างเช่น อินสติ ชุดตรวจHIV ด้วยตนเอง ตรวจจากตัวอย่างเลือดปลายนิ้ว สามารถใช้ตรวจได้หลังได้รับความเสี่ยงมา 21 วัน

 

 

ชุดตรวจHIV ด้วยตนเอง เหมาะกับผู้ที่ไม่สะดวกใจที่จะไปตรวจที่สถานพยาบาล เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้เราสามารถตรวจเช็คได้ตามใจต้องการ ที่ไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้ แต่การตรวจด้วยตนเองก็เป็นเพียงการตรวจคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น หากผลเป็น Reactive หรือผลบวก ควรตรวจอีกครั้งโดยสถานพยาบาลที่สามารถตรวจยืนยันได้ หรือหากเป็นผลลบ หรือ Non-Reactive ควรตรวจอีกครั้งที่ระยะเวลาเสี่ยง 3 เดือน

 

 

ชุดตรวจ HIV ร้านขายยา มีจำหน่ายแล้วหรือยัง ?

ชุดตรวจ HIV ร้านขายยา

ชุดตรวจ HIV ร้านขายยา มีจำหน่ายแล้วหรือยัง หลังจากที่ในปี พ.ศ. 2562 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย ได้ประกาศปลดล็อค ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ให้ประชาชนสามารถหาซื้อที่ร้านขายยามาตรวจด้วยตนเองได้แล้ว โดยที่ผ่านมาตลอด 2 ปีหลังจากประกาศดังกล่าวนั้น ยังไม่มีชุดตรวจHIVด้วยตนเองยี่ห้อใดที่ได้รับอนุญาตจากอย.ไทยเลย

 

แต่แล้วในเดือนสิงหาคม ปี 2564 INSTI หรือ อินสติ ชุดตรวจHIV ด้วยตนเอง ตรวจจากตัวอย่างเลือดปลายนิ้ว เป็นชุดตรวจจากประเทศแคนาดา ผลิตโดยบริษัท bioLytical Laboratories, Inc ก็ได้ผ่านอย.ไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เลขที่ใบอนุญาต 64-2-1-1-0000679 โดยขณะนี้มีจำหน่ายแล้วที่ร้านขายยาทั่วประเทศ

 

ทำไมถึงต้องเลือกซื้อชุดตรวจHIVด้วยตนเอง ผ่านร้านขายยา

ร้านขายยานั้นเป็นสถานที่ที่จะต้องจดทะเบียน ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สำหรับในการจำหน่ายยาต่าง ๆ ปุกรณ์ปฐมพยายาบ อุปกรณ์ทางการแพทย์และเครื่องมือแพทย์บางประเภท เวชสำอาง เวชภัณฑ์ วิตามินอาหารเสริมและอื่น ๆ ที่สามารถจำหน่ายได้ตามอนุญาต แต่อย่างไรก็ตามควรเลือกซื้อชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองจากร้านขายยาที่สามารถเชื่อถือได้

 

ชุดตรวจHIV ด้วยตนเอง แบรนด์ อินสติ มีจำหน่ายที่ไหนบ้าง

– ร้านBoots, ร้านยากรุงเทพ, ร้าน P&F smooth life, ร้านปันยาฟาร์มาซี (หัวหิน), ร้านหมอยารังสิตภิรมย์ (รังสิต จังหวัดปทุมธานี), ร้านยาฟาร์มา เมด (บางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ), Save Drug

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ INSTIใกล้บ้านฉัน

 

– หรือสามารถสั่งซื้อผ่านทางผูนำเข้าได้โดยตรง ทางแพลตฟอร์มต่าง ๆ Line OA: @insti , Facebook: อินสติ insti ชุดตรวจเอชไอวี , Shopee: INSTi_THAILANDHIVTEST , Lazada: INSTi_THAILANDHIVTEST , Line Shopping: insti , TikTok Shop: อินสติ INSTi , Website: thailandhivtest.com

 

– สั่งซื้อด่วนแบบจัดส่งถึงบ้านทันทีผ่าน Grab , LINE MAN , Food panda , Lalamove เลือกร้าน Boots > เสิร์จ คำว่า ชุดตรวจเอชไอวี / อินสติ Insti

 

การตรวจเอชไอวีด้วยวิธีต่าง ๆ นั้น นิยมตรวจจากเลือด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจ HIV p24 Antigen Testing, Anti-HIV Testing, NAT, PCR และ Self Test (ชุดตรวจHIV ด้วยตนเอง)

 

ทั้งนี้การตรวจด้วยตนเองจะเป็นการตรวจคัดกรองแบบเบื้องต้นเท่านั้น จากตัวอย่างเลือดปลายนิ้ว 2-3 หยด หากผลเป็นบวก / Positive / Reactive ให้เข้ารับการตรวจอีกครั้งกับสถานพยาบาลที่สามารถตรวจยืนยันได้

 

หากผลเป็นลบ / Negative / Non-Reactive หากเป็นการตรวจครั้งแรก และพึ่งเสี่ยงมาไม่ถึงสามเดือน แนะนำให้ตรวจอีกครั้งหลังเสี่ยงมาครบ 3 เดือน (ในระหว่างที่รอตรวจอีกครั้ง ไม่ควรรับความเสี่ยงเพิ่ม)

 

 

ชุดตรวจ HIV ร้านขายยา ในการเลือกชุดตรวจควรพิจารณา 3­ สิ่งหลัก ๆ คือ  ผ่านอย.ไทย, พิจารณาคุณภาพ ความแม่นยำ, ระยะเวลาเสี่ยง (เพราะชุดตรวจHIV ด้วยตนเอง แต่ละแบรนด์แต่ละประเภทจะสามารถใช้ตรวจที่ระยะเวลาเสี่ยงต่างกัน) ยกตัวอย่างเช่น อินสติ ชุดตรวจHIV ด้วยตนเอง สามารถใช้ตรวจได้หลังจากมีความเสี่ยงมาประมาณ 21 วัน มีความแม่นยำมากกว่า 99%

 

 

 

ปัญหาโรคเอดส์ ในสังคมไทย และวิธีลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาในอนาคต

 

ปัญหาโรคเอดส์ ในสังคมไทย และวิธีลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาในอนาคต

      โรคเอดส์ (AIDS) เป็นโรคที่เกิดจากการติดชื้อเอชไอวีในขั้นสุดท้าย ซึ่งมีผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีความบกกพร่องและเสื่อมสภาพลง จึงทำให้ร่างกายเกิดการติดเชื้อฉวยโอกาส และอาจเป็นมะเร็งที่ปกติแล้วจะตรวจไม่พบในคนที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี นอกจากจะส่งผลกระทบทางร่างกายแล้ว ก็ยังส่งผลกระทบในทางสังคมที่รุนแรงกว่าโรคอื่น ๆ คือ จะเกิดขึ้นทุกระยะตั้งแต่ยังไม่ทราบผลตรวจ จนทราบผลการวินิจฉัย ระยะเข้ารับการรักษา หรือติดเชื้อซ้ำ และระยะสุดท้ายระยะใกล้ตาย ส่วนใหญ่แล้วจะมีความกังวล กลัวว่าตนเองนั้นจะตาย กลัวสังคมรังเกียจ กลัวถูกทอดทิ้ง  ซึ่งผู้ป่วยบางรายอาจจะทุกข์ทรมานจากอาการทางร่างกายและจิตใจ จนคิดที่จะฆ่าตัวตายซึ่งผลกระทบของโรคเอดส์ไม่ใช่ว่าจะมีผลต่อผู้ป่วยเท่านั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อทางครอบครัว บุคคลใกล้ชิด และคนในประเทศอีกด้วย

 

โรคเอดส์ ปรากฏขึ้นอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน จนส่งผลต่อสังคมและประเทศ อย่างไร

  1. ส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ คือ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยโรคเอดส์ ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงอายุ 20-59 ปี ซึ่งจะอยู่ในวัยของการทำงานเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเกิดมีการป่วยด้วยโรคเอดส์อาจมีผลในการทำงานได้ เพราะเนื่องจากภาวะเจ็บป่วยเรื้อรัง จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย จนไม่สามารถทำงานได้ และที่สำคัญคือ อาจจะโดนดูถูกจากคนสังคม และคนรอบข้าง เพราะประชาชนขาดความรู้ความเข้าใจ นอกจากนี้ อาจมีค่ารักษาพยาบาลที่ต้องใช้รักษาผู้ป่วยที่ต้องเจ็บป่วยเรื้อรัง เข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาล จนทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อย ๆ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีรายได้ จึงไม่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ ดังนั้นรัฐจึงต้องเข้ามารับผิดชอบ โดยการให้สังคมสงเคราะห์แก่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี
  2. ส่งผลกระทบทางด้านทรัพยากรบุคคล ซึ่งโรคเอดส์จะทำให้สูญเสียทัพยากรบุคคลของชาติ เพราะเนื่องจากวัยรุ่น และเด็กเกิดการติดเชื้อมากขึ้น ปัจจุบันพบผู้ป่วยติดเชื้อเอดส์ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กสูงถึงร้อยละ 6 จนทำให้กำลังของชาติลดน้อยลง อีกทั้งปัจจุบันโรคเอดส์ได้มีการแพร่ระบาดเข้าสู่ครอบครัวแบบครบวงจร จนทำให้เกิดปัญหาเด็กกำพร้ามากขึ้น เด็กที่เป็นกำลังสำคัญกลับต้องเป็นภาระของครอบครัว
  3. ส่งผลกระทบต่อขวัญประชาชน ประชาชนจะอยู่อย่างหวาดระแวง เสียขวัญ วิตกกังวล เพราะกลัวว่าตนเองนั้นจะติดเชื้อหรือไม่ บางคนไม่กล้าแม้กระทั่งว่ายน้ำในสระ ไม่กล้าเข้าห้องน้ำสาธารณะ หรือบางครั้งพยาบาลที่จำเป็นต้องดูแลผู้ป่วยอาจจะถูกรังเกียจไปด้วย

จากที่กล่าวมา การให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการป้องกันโรคเอดส์ อาจจะช่วยให้ประชาชนอยู่ในสังคมและประเทศได้อย่างสบายใจ จะเห็นได้ว่าโรคเอดส์นั้นส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งตัวของผู้ที่ติดเชื้อ คนรอบข้าง รวมไปถึงครอบครัวอีกด้วย ดังนั้นการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยโรคเอดส์ให้มีชีวิตที่ดีและให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อ จึงมีความสำคัญและรวมไปถึงการให้ความรู้ที่สำคัญแก่ประชาชนในการป้องกันการติดเชื้อ

 

ใครที่คิดว่าตนเองอาจได้รับความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวี

ทั้งนี้หากใครที่คิดว่าตนเองอาจได้รับความเสี่ยงแต่ยังไม่แน่ใจ แนะนำให้หา ชุดตรวจคัดกรองเบื้องต้นด้วยตนเอง มาตรวจเพื่อคลายความกังวลใจ และที่สำคัญชุดตรวจต้องมีความเชื่อถือได้ ปลอดภัย แม่นยำ และได้มาตรฐาน นอกจากนี้ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ กินร้อนช้อนกลาง เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดียิ่งขึ้นควบคู่ไปด้วย

สำหรับท่านใดที่กำลังมองหา ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ขอแนะนำ อินสติ ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ผ่านอย.ไทย เป็นเจ้าแรกตรวจจากเลือดปลายนิ้ว เป็นแบรนด์ที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล ผลิตจากประเทศแคนาดา ขณะนี้สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายยาทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Boots, P&F, ร้านยากรุงเทพ และ Save drug หรือช่องทางออฟฟิเชี่ยลของทางผู้นำเข้าโดยตรงเพียงแอดไลน์ @insti

ชุดตรวจ HIV

วิธีลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาในอนาคต

ในปัจจุบันหากตรวจพบการติดเชื้อตั้งแต่ระยะแรก สามารถรักษาได้ทันเวลา คือ ผู้ป่วยทานยาตามแพทย์สั่งสม่ำเสมอไม่ขาดไม่ลืม ก็จะช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อ และทำให้อาการของโรคสงบ เท่ากับว่าเชื้อไม่ทำลายสุขภาพร่างกายของผู้ป่วย ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้ปกติธรรมดา ไม่มีอาการแสดงใด ๆ ของโรค และยิ่งหาก ดูแลสุขภาพ เป็นอย่างดี ออกกำลังกาย ทานอาหารเพื่อสุขภาพ จะยิ่งทำให้ผู้ป่วยเองมีสุขภาพแข็งแรง อีกทั้งไม่เป็นปัญหาในสังคม และคนรอบข้าง ดังนั้น หากคิดว่าตนเองมีความเสี่ยงก็ควรตรวจหาเชื้อโดยเร็ว เพื่อลดโอกาสที่จะเกิด ปัญหาโรคเอดส์ ในอนาคต

 

ชุดตรวจ HIV อินสติ แม่นยำ และปลอดภัย มาตรฐาน นำเข้าจากแคนาดา

 

ชุดตรวจ HIV อินสติ บางท่านอาจจะเคยคุ้นหูคุ้นตา เคยได้ยินมาบ้าง แต่บางท่านอาจจะไม่เคยรู้จักเลย เพราะว่าพึ่งเคยได้ยินว่าเอชไอวีสามารถตรวจได้ด้วยตนเองได้แล้ว

 

ประกาศให้ทราบกันเลยว่า ทางอย.ไทย ได้อนุญาตให้ประชาชนสามารถตรวจเอชไอวีด้วยตนเองได้แล้ว โดยจะต้องใช้ชุดตรวจเอชไอวี ชนิดระบุ ตรวจด้วยตนเอง (Self Test) ที่มีเลขอย.ไทย เท่านั้น

 

ชุดตรวจ HIV อินสติ เลขอย. 64-2-1-1-0000679 เป็นชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองจากเลือดที่เจาะปลายนิ้ว นำเข้าจากประเทศแคนาดา มาตรฐานทั้ง WHO, CE และ Health Canada อีกทั้งผ่านการตรวจประเมินวิเคราะห์จาก สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ อินสติ นับเป็น ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง รายแรกที่ผ่าน อย. ไทย

 

ตอบคำถามเกี่ยวกับ อินสติ ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง

  1. ใช้เลือดส่วนไหนมาทดสอบ

ตอบ ใช้เลือดปลายนิ้ว เพียงแค่ 1-2 หยด (หากหยดเลือดมีขนาดใหญ่เท่าเม็ดถั่วเขียว) แต่หากไม่มั่นใจว่าใส่เลือดพอหรือไม่ ให้ใส่ไปเลย 3 หยด

 

  1. น่ากลัวหรือไม่ เจ็บหรือเปล่า

ตอบ แน่นอนว่าหลาย ๆ ท่านอาจจะกังวลในเรื่องนี้ แต่อินสติ ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ในหนึ่งซอง จะให้เข็มซ่อนปลายมา เหมาะกับคนที่กลัวเข็ม เพราะเข็มประเภทนี้ตัวเข็มจะซ่อนอยู่ภายในตัวปลอกอุปกรณ์ เมื่อกดลงที่ปลายนิ้ว เข็มจะเด้งออกมาลงที่นิ้วของคุณ และเด้งกลับเข้าไปในปลอกอย่างรวดเร็ว เแบบไม่ทันรู้ตัวว่าเข็มทำการเจาะไปแล้ว

จึงหมดปัญหาเรื่องความน่ากลัว และเจ็บน้อยมาก ๆ คล้าย ๆ กับการเจาะเลือดปลายนิ้วตรวจน้ำตาล

 

  1. ตัวเข็มซ่อนปลายใช้งานอย่างไร

ตอบ เตือน เข็มซ่อนปลายใช้งานได้ 1 ครั้ง เท่านั้น!!! กดแล้ว กดเลย ไม่เด้งออกมาอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน ดังนั้นห้ามกดเล่นเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะต้องไปหาซื้อเข็มแบบเจาะเลือดปลายนิ้ว ตรวจหาน้ำตาลตามร้านขายยามาใช้แทน ขั้นตอนการใช้ ง่ายมาก ไปดูกันเลย

 

หลังทำความสะอาดมือเรียบร้อยแล้ว 1) บิดและดึงฝาเข็มเจาะเลือดออก 2) นวด ๆ ปลายนิ้วที่ต้องการจะเจาะ  3) ทาบด้านที่เป็นเข็มแนบไปกับปลายนิ้วที่จะเจาะให้สนิท ดันตัวอุปกรณ์ลงไปให้ยุบ เสียงดังคลิ๊ก เท่ากับเจาะเรียบร้อยแล้ว

 

  1. เข็มซ่อนปลายปลอดภัยหรือไม่

ตอบ ปลอดภัยแน่นอน เพราะเป็น Sterile Single-Use Lancet ใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น หากใช้งานแล้วตัวเข็มจะไม่สามารถเด้งออกมาจากตัวอุปกรณ์ได้อีก

 

  1. สามารถตรวจได้ที่กี่วันหลังเสี่ยง

ตอบ สามารถใช้ อินสติ ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ได้เมื่อมีความเสี่ยงมากว่า 21 วัน นับจากวันที่ตนเองคาดว่าตนเองได้รับความเสี่ยง

อย่างไรก็ตาม หากมีสนใจหรือมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้โดย แอดไลน์ Officialของอินสติได้ที่ @insti

 

 

สั่งซื้อง่าย ๆ ที่

ร้านขายยาจำหน่าย อินสติ ได้ที่นี่ >> INSTIใกล้บ้านฉัน<<

ชุดตรวจ HIV ซื้อที่ไหน อินสติ ตรวจเอชไอวีง่าย ๆ ที่บ้าน หาซื้อได้ร้านขายยาทั่วประเทศ

ชุดตรวจ HIV ซื้อที่ไหน

 

 

ชุดตรวจ HIV ซื้อที่ไหน อินสติ ตรวจเอชไอวีง่าย ๆ ที่บ้าน หาซื้อได้ร้านขายยาทั่วประเทศ แม่นยำสูง แบรนด์ดังจากประเทศแคนาดา ผ่านอย.ไทย ปลอดภัยต่อการใช้งาน

 

ในต่างประเทศ การตรวจเอชไอวีถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา และ ชุดตรวจHIVด้วยตนเองอินสติ ก็มีจำหน่ายในประเทศต่าง ๆ มานานแล้วเช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการขายแบบถูกต้องตามกฎหมายของประเทศนั้น ๆ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาได้เลย

 

สำหรับประเทศไทยนั้น พึ่งจะมีการอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนชุดตรวจคัดกรองเอชไอวีด้วยตนเอง ในปี 2562 ซึ่งมีการกำหนดคุณสมบัติต่าง ๆ กฎเกณฑ์ ขั้นตอน และการทดสอบ ของชุดตรวจที่จะมาขึ้นทะเบียน ที่มีความเข้มงวด มาตรฐานสูง เพราะจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่มีความอ่อนไหว หรือเซนซิทีฟ ต่อความรู้สึกมาก ๆ จึงทำให้กระบวนการต่าง ๆ ในการขออนุญาตขึ้นทะเบียนค่อนข้างมีความยาก ต้องมั่นใจแล้วว่าทุกอย่างผ่านเกณฑ์ทั้งหมดจึงอนุญาตขึ้นทะเบียนได้

 

อินสติ ชุดตรวจคัดกรองHIVด้วยตนเอง ใบอนุญาต อย. 64-2-1-1-0000679 เป็นแบรนด์ดังจากประเทศแคนาดา มาตรฐานระดับสากลทั้ง Health Canada, CE, WHO และ ISO13485 (MDSAP)

 

เป็นชุดตรวจHIVด้วยตนเอง ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีใหม่ Novel flow-through รู้ผลได้รวดเร็วเพียง 1 นาที และแม่นยำสูงกว่า 99% สามารถเข้าไปศึกษาวิธีการใช้งานผ่านวิดีโอ >>>  https://youtu.be/hwT-BYmVN7g

 

ช่องทางการจำหน่าย ในปัจจุบันมีทั้งหมด 2 ช่องทาง คือ

  • ร้านขายยา ซึ่งในขณะนี้มีจำหน่ายที่ร้าน Boots, ร้านขายยากรุงเทพ, P&F Smooth Life และ Save Drug

อีกทั้งยังมีจำหน่ายที่ร้านขายยาอื่น ๆ อีก ยกตัวอย่างเช่น ฟาร์มาเมด, ร้านปัญญาฟาร์มาซี และหมอยารังสิตภิรมย์

อย่างไรก็ตามสามารถดูรายละเอียด ตำแหน่งที่ตั้งร้านขายยาจำหน่าย อินสติ ได้ที่นี่ >> INSTIใกล้บ้านฉัน<<

สั่งซื้อง่าย ๆ ที่

 

ชุดตรวจ HIV ซื้อที่ไหน ทั้งนี้แนะนำให้เลือกแหล่งซื้อให้ดี ๆ ควรจะเลือกซื้อชุดตรวจจากแหล่งจำหน่ายที่สามารถเชื่อถือได้ เพื่อป้องกันการได้ชุดตรวจHIV ที่ไม่มีเลขอย.ไทย เนื่องจากไม่สามารถทราบได้ว่ามีมาตรฐานจริง ๆ หรือไม่ การใช้ชุดตรวจที่ไม่มีมาตรฐานก็อาจจะทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาอาจจะเป็นบวกปลอม หรือลบปลอม ซึ่งไม่ถูกต้อง

 

นอกจากนี้ท่านควรเลือดใช้ชุดตรวจที่ระบุอย่างชัดเจนทั้งการขึ้นทะเบียนอย. และระบุที่หน้าบรรจุภัณฑ์ ว่าเป็นชุดตรวจHIV ประเภทตรวจด้วยตนเอง หรือ HIV Self Test เพราะเป็นชุดตรวจที่ออกแบบมาเพื่อการตรวจด้วยตนเองเฉพาะ รวมถึงมาตรฐานต่าง ๆ ด้วย

ชุดตรวจHIV เชื่อถือได้ไหม หากเลือกชุดตรวจที่มีเลขอย. ไทย ก็สามารถมั่นใจได้แน่นอน

ชุดตรวจHIV เชื่อถือได้ไหม

 

ชุดตรวจHIV เชื่อถือได้ไหม หากเลือกชุดตรวจที่มีเลขอย. ไทย ก็สามารถมั่นใจได้แน่นอน อีกทั้งต้องพิจารณาว่าเป็นประเภทตรวจด้วยตนเองหรือไม่

 

อย.ไทย ได้ประกาศปลดล็อก ชุดตรวจคัดกรองเอชไอวี ด้วยตนเอง ให้ประชาชนสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา แต่แน่นอนว่าชุดตรวจนั้น จะต้องขึ้นทะเบียนเป็น ชุดตรวจHIV ประเภทตรวจด้วยตนเอง เท่านั้น จึงจะสามารถจำหน่ายที่ร้านขายยา และสามารถให้ประชนสามารถใช้ได้

 

ดังนั้น หากคุณเลือกซื้อชุดตรวจHIV ประเภทการตรวจคัดกรองด้วยตนเอง HIV Self Test และมีเลขอย.ไทย มาใช้ตรวจ ผลทดสอบที่ออกมา ก็สามารถเชื่อถือได้

 

เพราะทางอย.ไทย มีกฎเกณฑ์การทดสอบที่เข้มข้น และสามารถผ่านได้ยาก เนื่องจาก ชุดตรวจคัดกรองเอชไอวีนั้น จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่อยู่การควบคุมมาก ๆ ซึ่งกว่าจะประกาศปลดล็อก ก็มีการพิจารณามาอย่างยาวนาน รวมถึงกฎเกณฑ์ที่จะอนุญาตให้ผ่านด้วยเช่นกัน

 

ข้อควรปฏิบัติที่ควรทำก่อนใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง

1. รู้ระยะเวลาความเสี่ยงของตน ควรจะลำดับเหตุการณ์ท่ได้รับความเสี่ยงให้แน่นอน เพื่อดูว่าเหมาะสมกับชุดตรวจที่ซื้อมาหรือไม่ เนื่องจากชุดตรวจHIV แต่ละแบรนด์นั้น ก็จะมีระบุว่าสามารถใช้ตรวจได้ที่กี่วัน

2. อ่านคู่มือการใช้งานหรือเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ ให้เข้าใจก่อนการลงมือทดสอบ สำคัญมาก เนื่องจากอาจจะมีบางเรื่องที่เราต้องรู้ก่อนใช้งานจริง ๆ ซึ่งหากไม่อ่านให้ละเอียดและเข้าใจก่อน อาจจะพลาดบางอย่างไป

3. หากตรวจแล้วผลเป็นบวก ควรจะไปตรวจยืนยันที่โรงพยาบาล เพื่อเข้าสู่ระบบการรักษา

 

 

อินสติ ชุดตรวจHIV ด้วยตนเอง ผ่านอย.ไทย ใบอนุญาต อย. 64-2-1-1-0000679 เจ้าแรกในประเทศไทยตรวจจากเลือดปลายนิ้ว ใช้ง่าย หาซื้อได้ตามร้านขายยา ความแม่นยำสูง เทคโนโลยีใหม่ 1 นาทีรู้ผล อินสติ เป็นที่รู้จักและใช้ในต่างประเทศมานาน มีมาตรฐาน Health Canada, WHO, CE และ ISO13485 (MDSAP)

 

 

การตรวจเอชไอวี เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปในต่างประเทศมานานแล้ว และในไทยก็ควรเป็นเช่นนั้น หากพิจารณาถึงความสำคัญที่ทุกคนควรจะได้รับการตรวจสักครั้ง ก็อาจจะเหมือนว่ามันก็คือการตรวจสุขภาพทั่ว ๆ ไป ที่ทุกคนควรตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละครั้ง

 

การตรวจเอชไอวี จึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว และตอนนี้ ก็สามารถ เข้าถึงได้ง่ายขึ้น จากการ ตรวจด้วยตนเอง หากติดเชื้อจริง เพียงแค่ เข้าสู่ระบบการรักษา ทานยาตามแพทย์แนะนำ ก็จะมีสุขภาพที่แข็งแรงได้ ใช้ชีวิตได้ดังปกติ

 

 

ผู้ป่วย HIV จะมีผลตรวจเลือดเป็นอย่างไร

ผู้ป่วย HIV จะมีผลตรวจเลือดเป็นอย่างไร

ผู้ป่วย HIV จะมีผลตรวจเลือดเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็น การเข้ารับการตรวจHIV กับสถานพยาบาล หรือจะเป็นการใช้ชุดตรวจHIV ด้วยตนเอง ก็ตามแน่นอนว่าจะต้องมีการแสดงผลตรวจเลือดที่เป็นสากลแน่นอน

โดยทั่วไปแล้ว เราอาจจะเคยได้ยินแต่คำว่าผลเลือดเป็นบวก เลือดบวก อะไรทำนองนี้ แต่จะมีใครเข้าใจไหมว่า เลือดบวกแล้วอย่างไรต่อ

ผลตรวจHIV แสดงผลอย่างไร

– ผลเลือดเป็นบวก หมายถึง มีการติดเชื้อเอชไอวี ยกตัวอย่างคำที่ใช้แสดงผล เช่น Positive, Reactive, Detected เป็นต้น

– ผลเลือดเป็นลบ หมายถึง ไม่มีการติดเชื้อเอชไอวี ยกตัวอย่างคำที่ใช้แสดงผล เช่น Negative, Non-reactive, Un-detected เป็นต้น

ผู้ป่วย HIV จะมีผลตรวจเลือดเป็นอย่างไร หลังสถานพยาบาลเก็บตัวอย่างเลือดของคุณไปตรวจวิเคราะห์HIV แล้วพบว่ามีการติดเชื้อ จะแสดงคำ Positive, Reactive หรือ Detected ใบผลตรวจแน่นอน แต่ทั้งนี้คุณหมอก็จะแจ้งให้คุณทราบก่อนอยู่แล้วว่า ผลตรวจเลือดของคุณเป็นอย่างไร พร้อมคำอธิบายและแนะนำ

 

การตรวจHIV ด้วยตนเอง คุณอาจจะต้องใช้สายตาของคุณในการพิจารณาผลตรวจด้วยตนเอง ตามคำแนะนำในคู่มือการใช้งาน ยกตัวอย่าง ชุดตรวจHIVด้วยตนเอง แบรนด์อินสติ ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ไม่มีที่ไหนมาก่อน สามารถใช้ตรวจแล้วรู้ผลทันทีใน 1 นาที เป็น ชุดตรวจHIVด้วยตนเอง ที่นำเข้าจากแคนาดา ผ่านอย.ไทย เป็นแบรนด์แรกตรวจด้วยเลือดปลายนิ้ว เพียง 1-3 หยด (ขึ้นอยู่กับขนาดหยดเลือด) แม่นยำกว่า 99% มีขายตามร้านขายยาชั้นนำ

 

ชุดตรวจHIV อินสติ มีรูปแบบตลับทดสอบที่ไม่เหมือนใคร โดยแสดงผลเป็น จุด ซึ่งจะมีตำแหน่งที่จะแสดงผลสองตำแหน่ง ด้วยกัน คือ ตำแหน่งบนใกล้ตัว C เท่ากับ จุดตำแหน่งControl เมื่อมีการใช้งานชุดตรวจ จุดตำแหน่งบนนี้จะต้องขึ้นเสมอ เพื่อเป็นการบ่งบอกว่าชุดตรวจทำงานปกติ ต่อมาคือ ตำแหน่งด้านล่าง เท่ากับ จุดตำแหน่ง Test จะขึ้นจุดต่อเมื่อตรวจพบการติดเชื้อเอชไอวีเท่านั้น โดยไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร จุดตำแหน่งControl จะต้องขึ้นเสมอ ดังตัวอย่างการแปลผลในรูป

 

เกิดปฏิกิริยา REACTIVE (ผลเป็นบวก)
ปรากฏทั้ง จุดตำแหน่งControl ด้านบน และ จุดตำแหน่งTest ด้านล่าง
ความหมาย: คุณอาจติดเชื้อเอชไอวี ให้ไปตรวจยืนยันทันทีที่สถานพยาบาล

 

 

 

ไม่เกิดปฏิกิริยา NON-REACTIVE (ผลเป็นลบ)
ปรากฏเพียง จุดตำแหน่งControl ด้านบน เพียงจุดเดียว
ความหมาย: ตรวจไม่พบการติดเชื้อเอชไอวี

 

 

 

 

และนี่คือคำแนะนำในการทำความเข้าใจกับผลตรวจเลือด HIV ที่บางท่านอาจจะยังไม่เข้าใจ ทั้งนี้ การตรวจHIV ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอีกต่อไป เพราะในปัจจุบันมีการเปิดกว้างและยอมรับกันมากขึ้นในเรื่องนี้ ด้วยว่ามันเหมือนกับการตรวจเช็คสุขภาพในด้านต่าง ๆ เท่านั้นเอง