อาการเอดส์1เดือน จะเป็นอย่างไรบ้าง?

By | พฤษภาคม 29, 2021

อาการเอดส์1เดือน ปัจจุบันสถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ในไทยนั้น ถึงแม้จะดีขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังเป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่ยังต้องให้ความสำคัญ ซึ่งสมัยนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีจำนวนไม่น้อยที่ไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้อ อีกทั้งยังมีผู้ที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และสามารถเสียชีวิตลงด้วยโรคเอดส์ได้ง่าย ๆ

 

เชื่อว่าปัจจุบันนี้ หลายคนคงเข้าใจผิดคิดว่าโรคเอดส์ กับโรคเอชไอวีนั้น เป็นโรคเดียวกัน แต่รู้หรือไม่ว่าการที่เราติดเชื้อเอชไอวี ก็ไม่ได้แปลว่า เราจะเป็นโรคเอดส์เสมอไป เพราะโรคเอดส์ (AIDS) เป็นขั้นสุดท้าย ของการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ซึ่งเชื้อไวรัสเอชไอวี ได้เข้าไปทำลาย เซลล์เม็ดเลือดขาว และระบบภูมิคุ้มกัน ในร่างกายให้เกิดการบกพร่อง

จึงส่งผลให้ผู้ป่วยติดเชื้อ มีสภาพร่างกายที่อ่อนแอ และสามารถเกิด โรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ง่าย และปัจจุบัน ก็ยังไม่มีวิธีการไหน ที่จะสามารถรักษาโรคเอชไอวี และโรคเอดส์ให้หายขาดได้ มีเพียงยา ที่ช่วยในการชะลอ การพัฒนาโรคและลดอัตราเสี่ยง ต่อการเสียชีวิตลง ด้วยโรคเอดส์เท่านั้น

 

อาการเอดส์1เดือน

เราจะสามารถสังเกตกันได้ง่าย ๆ และจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะด้วยกัน คือ

  • ระยะเริ่มแรก หรือระยะเฉียบพลัน ในระยะนี้เชื้อ จะยังไม่แสดงอาการ ออกมาให้เห็น ได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะเป็นระยะที่เชื้อ จะสามารถแพร่กระจายไปทั่ว ร่างกายมากกว่าระยะอื่น ๆ

ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายกับ เป็นไข้หวัดใหญ่ มีไข้ ปวดหัว เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ต่อน้ำเหลืองโต และมีอาจมีผื่นขึ้น ซึ่ง อาการเอดส์1เดือน จะเริ่มปรากฏภายใน 1-2 เดือนหลังได้รับเชื้อ และจะเป็นเช่นนี้ ไปประมาณ 2-3 สัปดาห์

 

  • ระยะอาการสงบ ในระยะนี้ จะไม่แสดงอาการชัดเจน หรือแทบไม่มี อาการป่วยใด ๆ เลย แต่เชื้อ ก็จะยังคงอยู่ ภายในร่างกาย และยังคงทำลาย ระบบภูมิคุ้มกัน ของร่างกายอย่างต่อเนื่อง ในระยะนี้

หากผู้ที่ยัง ไม่เข้ารับการตรวจ และยัง ไม่เข้ารับการรักษา เชื้ออาจมีการพัฒนา ไปเรื่อย ๆ จนอาจป่วย ขั้นรุนแรงมากขึ้น เช่น น้ำหนักลดลง อย่างรวดเร็ว มีเชื้อราในช่องปาก ท้องร่วงเรื้อรัง หรือเป็นงูสวัด หากผู้ป่วย ไม่เข้ารับ การรักษาเชื้ออาจพัฒนา ไปสู่ระยะโรคเอดส์ได้

 

  • ระยะสุดท้าย ระยะเอดส์ ในระยะนี้ จะเป็นระยะสุดท้าย ของการติดเชื้อเอชไอวี หรือที่รู้จักกันว่า โรคเอดส์ นั่นเอง ซึ่งระบบภูมิคุ้มกัน ในร่างกาย  ได้ถูกทำลายลง อย่างหนัก จนไม่สามารถต้านทาน ต่อเชื้อโรคต่าง ๆ ได้

จึงส่งผลให้ ผู้ป่วยเกิดการติดเชื้อ และ โรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา จนทำให้ เสียชีวิตลง ในที่สุด

 

“ทั้งนี้อาการต่าง ๆ ที่กล่าวมาก็อาจจะเป็นอาการเบื้องต้นของโรคอื่น ๆ ได้เช่นกัน การที่จะทราบได้อย่างชัดเจนนั้น คือ ต้องตรวจหาเชื้อเอชไอวี เท่านั้น”

 

จากที่กล่าวมานี้ การจะทราบได้ว่า ตนเองติดเชื้อเอชไอวีหรือไม่ การเข้ารับการตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันสามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อเอชไอวีได้ตาม โรงพยาบาลรัฐ คลินิกนิรนาม  หรือโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งค่าใช้จ่ายก็ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลนั้น ๆ แต่หากเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลรัฐบางโรงพยาบาลก็มีบริการตรวจให้ฟรี เพียงแค่มีบัตรประชาชนก็สามารถเข้ารับการตรวจได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทาง อย.ได้ทำการปลดล็อค ชุดตรวจเอชไอวี เพื่อให้ประชาชนทั่วไป สามารถเข้าถึงได้ เพราะหากตรวจพบเชื้อ ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะได้เข้ารับ การรักษา และรับยาต้าน ได้อย่างทันท่วงที ดังนั้น การหาซื้อชุดตรวจเอชไอวี ด้วยตนเอง อาจเป็นเรื่องที่ง่าย ที่ทุกคนสามารถ ทำได้ แต่สำคัญ คือ ต้องดูให้ดีว่า ชุดตรวจมีความปลอดภัย แม่นยำ และได้มาตรฐาน หรือไม่ แนะนำว่าให้ตรวจเช็ค จากเลขอย.ของสินค้านั้น และเช็ค ให้ว่าตรงกันหรือไม่ ถูกต้องหรือไม่ เพื่อความแม่นยำ และความปลอดภัย ของตัวคุณเอง

ย้ำอีกครั้งว่า เราไม่สามารถสังเกตจากอาการและยืนยันได้ว่าคุณติดเชื้อเอชไอวี แต่อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นนั้น สามารถบอกได้ว่าคุณกำลังป่วยด้วยโรคอะไรสักหนึ่งโรค ดังนั้นมันถือเป็นคำเตือนว่าคุณควรจะตรวจเช็คให้เรียบร้อยว่ากำลังป่วยด้วยโรคอะไรกันแน่ เพราะหากตรวจไวเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีต่อการรักษามากเท่านั้น