ตรวจเอดส์ ที่ไหน ได้บ้างในปัจจุบันนี้ คลินิกทั่วไปรับตรวจเลือด HIV หรือไม่

By | พฤศจิกายน 9, 2021

ตรวจเอดส์ ที่ไหน

ตรวจเอดส์ ที่ไหน เราสามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อเอชไอวี หรือเอดส์ ได้ตามโรงพยาบาลทุกแห่ง หรือคลินิกนิรนาม แต่ทั้งนี้ก็ควรสำรวจให้ดีว่ามีพื้นที่ไหนบ้างที่เปิดให้บริการตรวจหาเชื้อเอชไอวี

 

อย่างไรก็ตาม หากใครที่มีความเสี่ยงและต้องการเข้ารับการตรวจหาเชื้อ ปัจจุบันนี้สามารถเข้ารับการตรวจได้ตามโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน หรือคลินิกนิรนาม โดยทางโรงพยาบาลรัฐนั้นสามารถทำการตรวจได้ฟรีถึงปีละ 2 ครั้ง เพียงแค่มีบัตรประชาชน และสามารถเข้ารับการตรวจได้ถึงแม้จะมีอายุน้อยกว่า 18 ปี โดยที่ไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง หากตรวจกับทางโรงพยาบาลเอกชน ค่าใช้จ่ายจะขึ้นอยู่กับแต่ละโรงพยาบาล แนะนำให้ติดต่อสอบถามล่วงหน้าก่อนเข้าใช้บริการ และการตรวจในคลินิกทั่วไปนั้น แนะนำให้ติดต่อสอบถามล่วงหน้าก่อนเข้าใช้บริการเช่นกัน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา

 

แต่หากท่านไม่รู้ว่าจะ ตรวจเอดส์ ที่ไหน ดี ก็สามารถใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ได้ ชุดตรวจHIV ที่ว่านี้เป็นการตรวจคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น หากตรวจด้วยวิธีนี้แล้วผลออกมาพบเชื้อควรรีบเข้ารับการตรวจยืนยันที่โรงพยาบาล และหากผลเป็นลบ ก็สามารถสบายใจได้และไม่ควรระมัดระวังไม่ให้ได้รับความเสี่ยงในครั้งต่อไป หรือหากยังไม่มั่นใจก็สามารถตรวจย้ำอีกครั้งที่ความเสี่ยงนานขึ้นได้

แน่นอนว่าการตรวจคัดกรองด้วย ชุดตรวจHIV ด้วยตนเองนั้น จะช่วยให้ตรวจเจอเชื้อตั้งแต่เนิ่น ๆ และจะสามารถช่วยให้เราเข้ารับการรักษาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เพื่อที่จะให้ผู้ป่วยได้ใช้ชีวิตได้เหมือนกับคนปกติทั่วไป

 

การติดเชื้อเอชไอวี (HIV) กับโรคเอดส์ (AIDS) นั้นจะมีความแตกต่างกัน เพราะเชื้อเอชไอวีนั้นไม่ใช่โรค แต่เป็นเชื้อไวรัสที่หากร่างกายของเราได้รับเข้าไปแล้วในระยะแรกจะยังไม่แสดงอาการให้เห็น แต่อาจะมีอาการเพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นจากการตอบสนองเมื่อร่างกายได้รับเชื้อเข้าไปแล้วนั่นเอง เพราะการติดเชื้อเอชไอวีเป็นเชื้อที่ไม่ค่อยแสดงอาการให้เห็นจึงทำให้คนส่วนใหญ่บางคนที่ได้รับเชื้อเข้าไปสู่ร่างกายไม่รู้ตัวว่าตนเองติดเชื้อก็ได้ และหากไม่ได้รับการรักษาในระยะแรก อาจส่งผลให้การติดเชื้อเอชไอวีนั้นดำเนินการไปสู่ระยะต่อไปของโรค หรือที่เราเรียกว่าระยะแพร่เชื้อนั่นเอง ซึ่งในระยะนี้ผู้ป่วยอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น มีไข้ ท้องร่วง หรืออาจเป็นงูสวัดได้ และในระยะนี้ถ้าหากยังไม่ได้รับยาต้านไวรัส ปริมาณของเชื้อไวรัสก็จะเพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายถูกทำลายลงอย่างหนัก จนส่งผลให้เชื้อเอชไอวี พัฒนามาเป็นระยะสุดท้าย นั่นก็คือ ระยะโรคเอดส์ นั่นเอง

 

อาการหลังติดเชื้อเอชไอวี จะสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะด้วยกัน คือ

 – ระยะเฉียบพลัน ในระยะนี้จะเป็นระยะแรกที่ร่างกายได้รับเชื้อมาแล้วประมาณ 2-4 สัปดาห์

โดยเชื้อไวรัสจะเพิ่มปริมาณมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จนส่งผลให้เซลล์ CD4 ลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ส่งผลให้

ผู้ป่วยในระยะนี้จะมีอาการคล้าย ๆ กับเป็นไข้หวัดใหญ่ มีไข้ ปวดหัว เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย มีผื่น

หรือต่อมน้ำเหลืองโต และในระยะนี้ถือเป็นระยะที่มีความเสี่ยงสูงในการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นอีกด้วย

 – ระยะสงบ ในระยะนี้จะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาให้เห็นเลย หรือถ้ามีก็อาจมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แต่เชื้อไวรัสก็จะยังเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และทำลายระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย จนส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกัน

ค่อย ๆ ลดลง ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะนี้อาจไม่มีอาการอะไรเลยนานถึง 10 ปี

 – ระยะโรคเอดส์ เป็นระยะที่ระบบภูมิคุ้มกันได้ถูกทำลายลงอย่างหนัก จนส่งผลให้ผู้ป่วยในระยะนี้

มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ง่าย เนื่องจากมีปริมาณเซลล์ CD4 ที่ต่ำกว่า 200

จากคนปกติทั่วไปมี 500-1,600 โดยผู้ป่วยในระยะเอดส์นี้จะมีอาการปอดอักเสบ น้ำหนักลดลง

อย่างรวดเร็ว เหนื่อยง่าย ท้องเสียเรื้อรัง มีเหงื่อออกตอนกลางคืน มีผื่นขึ้น มีฝ้าขาวในช่องปาก

ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต หรือรักแร้และขาหนีบบวมโต