ซิฟิลิส เลือดบวก หมายความว่าอะไร ติดต่อได้จากทางใดบ้าง

By | สิงหาคม 31, 2020

ซิฟิลิส เลือดบวก

ซิฟิลิส เลือดบวก หมายความว่าอะไร โรคซิฟิลิส (Syphilis) นับเป็นโรคติดต่อ ทางเพศสัมพันธ์ ที่มีความร้ายแรง ไม่น้อยไปกว่า โรคเอดส์ เพราะเป็นโรคหนึ่ง ที่มีสาเหตุมาจากการ ติดเชื้อแบคทีเรีย โรคซิฟิลิสสามารถ รักษาให้หายได้ แต่หากปล่อยทิ้งไว้  ไม่เข้ารับการรักษา เป็นเวลานาน หรือในระยะยาว ซิฟิลิส อาจจะแสดงอาการหลากหลาย ภายในระบบร่างกาย ซึ่งถือว่าร้ายแรงมากกว่า โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ชนิดอื่น ๆ

โดยโรคซิฟิลิสนี้ จะมีระยะ ที่สามารถแฝงตัว ของโรคที่ยาวนาน และ สามารถแพร่เชื้อ ไปสู่ผู้อื่นได้อีกด้วย ในปัจจุบัน โรคซิฟิลิสเป็น โรคที่สามารถ พบได้บ่อย รองมากจากโรคหนองในแท้ และหนองในเทียม ซึ่งโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ ทั้งกับผู้ชาย และผู้หญิง

ซิฟิลิส เลือดบวก หมายความถึง การแปลผลตรวจซิฟิลิส โดยผลเลือดบวก สามารถแปลได้ว่า มีการติดเชื้อซิฟิลิส ต้องเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุด

โรคซิฟิลิสนั้น สามารถติดต่อได้อย่างไร หากผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นซิฟิลิสนั้น เชื้อจะเข้าไปสู่ร่างกาย ซึ่งจะเข้าไปได้ผ่านทางการสัมผัสกับแผล หรือเชื้อโดยตรง ไม่ว่าจะเป็น การจูบ อม เลีย หรือแม้แต่ การไปสัมผัสกับบริเวณแผล โดยตรงในตำแหน่งของ ท่อปัสสาวะ ทวารหนัก ช่องคลอด ช่องปาก เยื่อบุต่าง ๆ หรือแม้แต่การไปสัมผัส กับแผลถลอกเล็กน้อย บนผิวหนังของผู้ติดเชื้อ และเมื่อเชื้อได้เข้าสู่กระแสเลือดแล้ว เชื้อซิฟิลิสจะเข้าไป จับตามอวัยวะต่าง ๆ แล้วทำให้สามารถ เกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย ในระยะยาว หากผู้ที่กำลังมีความเสี่ยงนั้น โรคซิฟิลิส จะสามารถสังเกตให้เห็นได้ ตามระยะการติดเชื้อ คือ

– ระยะแรก ในระยะแรก ของซิฟิลิสนี้ จะเกิดขึ้นหลังจากที่ได้รับเชื้อมาประมาณ 3 สัปดาห์ โดยมักจะมีแผลบริเวณอวัยวะเพศ ลูกอัณฑะ ทางทวารหนัก บริเวณช่องคลอด และริมฝีปาก หากได้รับเชื้อมาจะเรียกว่า แผลริมแข็ง จะไม่รู้สึกเจ็บ แผลจะเรียบ หลังจากนั้นประมาณ 3 – 6 สัปดาห์ แผลนั้นจะหายไปเอง

– ระยะสอง หลังจากระยะแรก ผ่านไประยะที่สองจะเกิดขึ้น ประมาณ 2 สัปดาห์ – 2 เดือน จะเรียกว่า “ระยะออกดอก หรือระยะผื่น” โดยในระยะนี้ จะมีผื่นขึ้นตามร่างกาย เช่น ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ซึ่งจะเป็นลักษณะเฉพาะ เกิดขึ้นภายในปากได้ อาจมีไข้ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต หรืออาจจะมีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้

– ระยะแอบแฝง ในระยะนี้ เชื้อที่อยู่ภายในร่างกาย จะไม่มีการปรากฏให้เห็น แต่หากทำการตรวจเลือด ก็อาจตรวจพบเชื้อได้

– ระยะสาม ในระยะที่สามนี้ จะเป็นระยะสุดท้าย ของการติดเชื้อ โดยทั่วไป อาการจะปรากฏ ได้ในสมอง ซึ่งเรียกง่าย ๆ ว่า “ซิฟิลิสขึ้นสมอง” โดยมีอาการคือ

1. เชื้อจะไปทำลาย ไขสันหลัง ทำให้ร่างกายอ่อนแอ เสียการทรงตัว เดินไม่ถนัด รู้สึกขาลาก จะไม่สามารถอั้นปัสสาวะได้

2. อาจมีพฤติกรรม ที่เปลี่ยนไปจากเดิม เช่น การรับรู้จะเสียไป ตาผิดปกติ สัมผัสทั้งห้าจะเปลี่ยนไป การพูดการจาจะช้าลง เป็นต้น

3. ม่านตาจะเล็กลง ตาจะไม่ตองสนองต่อแสง

 

อย่างไรก็ตาม หากใครที่ตรวจแล้ว เลือดเป็นบวก ปัจจุบันมีวิธีการรักษา ที่สามารถรักษาโรคซิฟิลิสให้หายได้ ถึงแม้ว่าจะรักษาให้หายแล้วก็จริง แต่หากทำการตรวจอีกครั้ง ผลตรวจก็จะยังตรวจพบเชื้อได้ เพราะชุดตรวจแต่ละรูปแบบ จะมีวิธีการตรวจ ที่แตกต่างกันออกไป บางชุดตรวจ อาจมีการจดจำแอนติบอดี ของร่างกาย ไม่ว่าตรวจกี่ครั้ง ก็จะตรวจเจอเชื้อซิฟิลิส

ทั้งนี้ หากผู้ที่กำลัง มีความเสี่ยงก็ให้ทำการตรวจคัดกรองเบื้องต้น เพื่อเป็นการวินิจฉัย ซึ่งปัจจุบันได้มี ชุดตรวจซิฟิลิสด้วยตนเอง ที่สามารถทำการตรวจได้ที่บ้านโดยที่ไม่ต้อง เดินทางตรวจตามสถานพยาบาล มีความปลอดภัย แม่นยำ และได้มาตรฐาน โดยชุดตรวจ จะเป็นการตรวจ เพื่อคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น หากไม่แน่ใจ ก็ควรเดินทาง ไปตรวจตาม สถานพยาบาล