ควรตรวจเอดส์ตอนไหน การตรวจเอชไอวีที่ถูกต้องและอัปเดตล่าสุดปี 2025

By | ธันวาคม 23, 2024

ควรตรวจเอดส์ตอนไหน

ควรตรวจเอดส์ตอนไหน ข้อมูลอัปเดตล่าสุดเกี่ยวกับการตรวจ การป้องกัน และชุดตรวจเอชไอวีด้วยตัวเองที่ได้มาตรฐาน เพื่อการดูแลสุขภาพอย่างมั่นใจ

รู้จักโรคเอดส์: ข้อมูลอัปเดตล่าสุด ปี 2025

โรคเอดส์ (AIDS) เป็นภาวะที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) ซึ่งทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคและโรคฉวยโอกาสอื่น ๆ ได้ เชื้อเอชไอวีไม่ได้แสดงอาการทันทีหลังการติดเชื้อ แต่จะค่อย ๆ ส่งผลต่อสุขภาพจนเข้าสู่ระยะเอดส์หากไม่ได้รับการรักษา

การรักษาในปัจจุบัน:

ความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบันช่วยให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ ยาต้านไวรัส (ART) สามารถลดปริมาณเชื้อไวรัสในร่างกายจนถึงระดับที่ตรวจไม่พบ (Undetectable) ซึ่งช่วยลดโอกาสการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อมูลล่าสุด:

องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่าปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีทั่วโลกราว 38.8 ล้านคน โดยในจำนวนนี้ 75% เข้าถึงการรักษาด้วย ART อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังมีจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่เสี่ยง เช่น ชายรักชาย (MSM) และผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด

 

สถานการณ์ในประเทศไทย

ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการจัดการเรื่องเอชไอวีอย่างเป็นระบบ โดยภาครัฐมีการผลักดันโครงการป้องกันและลดการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญในหลายด้าน

 

ข้อมูลสถานการณ์ปัจจุบัน:

ข้อมูลจากกรมควบคุมโรคในปี 2024 ระบุว่า ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ประมาณ 7,500 คน โดยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยรุ่น ชายรักชาย และผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด แม้ว่าจำนวนจะลดลงจากปีก่อนหน้า แต่กลุ่มประชากรเสี่ยงในพื้นที่ชนบทและกลุ่มที่ไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจหาเชื้อยังคงเป็นปัญหา

 

โครงการป้องกันที่สำคัญในประเทศไทย:
  • การส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยในทุกเพศสัมพันธ์
  • การแจกจ่ายยาป้องกันก่อนสัมผัสเชื้อ (PrEP) ให้กับกลุ่มเสี่ยง
  • การสนับสนุนการตรวจเชิงรุกในชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ยาก

 

แนวทางการตรวจวินิจฉัย รักษา และป้องกัน

การตรวจวินิจฉัย:

การตรวจหาเชื้อเอชไอวีมีหลายวิธี แต่ละวิธีมีช่วงเวลาที่เหมาะสมและความแม่นยำที่แตกต่างกัน:

  • NAT (Nucleic Acid Test): ตรวจพบเชื้อได้เร็วที่สุดใน 7-10 วันหลังการสัมผัส
  • การตรวจแอนติเจน p24: ตรวจหาโปรตีนจากเชื้อเอชไอวี ตรวจพบได้ใน 14-28 วันหลังการสัมผัส
  • การตรวจแอนติบอดี: ตรวจภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อต่อสู้กับเชื้อ ใช้เวลา 21-90 วันจึงจะตรวจพบ
การรักษา:

ยาต้านไวรัส (ART) เป็นวิธีการรักษาหลักที่ช่วยลดปริมาณเชื้อในร่างกายให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น

การป้องกัน:
  • การใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  • การรับประทานยา PrEP สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
  • การเข้ารับการตรวจอย่างสม่ำเสมอในกลุ่มประชากรเสี่ยง

 

ไขข้อข้องใจ: ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับโรคเอดส์

แม้ข้อมูลเกี่ยวกับเอชไอวีจะมีการเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีความเชื่อผิด ๆ ที่สร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคเอดส์ เช่น:

  • “การติดเชื้อเอชไอวีเท่ากับเสียชีวิต”: ปัจจุบันผู้ติดเชื้อสามารถมีชีวิตที่ยืนยาวได้หากได้รับการรักษาที่เหมาะสม
  • “สามารถติดเชื้อผ่านการสัมผัสทั่วไป”: เอชไอวีไม่แพร่เชื้อผ่านการจับมือ การกอด หรือการใช้ของร่วมกัน
  • “ผู้ติดเชื้อไม่ควรมีครอบครัว”: ด้วยการรักษาและการดูแลที่เหมาะสม ผู้ติดเชื้อสามารถมีลูกได้โดยไม่แพร่เชื้อ

 

หลังเสี่ยงกี่วันถึงสามารถตรวจได้

ควรตรวจเอดส์ตอนไหน ระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการตรวจเอชไอวีขึ้นอยู่กับวิธีการตรวจ:

  • 7-10 วัน: การตรวจ NAT เหมาะสำหรับการตรวจหลังเสี่ยงในระยะแรก
  • 14-28 วัน: การตรวจแอนติเจน p24 ซึ่งมักใช้ร่วมกับการตรวจแอนติบอดีในชุดตรวจแบบคอมโบ (Combo Test)
  • 21-90 วัน: การตรวจแอนติบอดี ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมใช้ที่สุดสำหรับการตรวจในระยะยาว

คำแนะนำ: หากมีพฤติกรรมเสี่ยงควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีตรวจที่เหมาะสม และทำการตรวจซ้ำตามคำแนะนำเพื่อความแม่นยำ

 

แนะนำชุดตรวจเอชไอวีด้วยตัวเองที่มีมาตรฐานของ อินสติ

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองเป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้การตรวจหาเชื้อเป็นเรื่องง่าย สะดวก และเป็นส่วนตัวมากขึ้น หนึ่งในชุดตรวจที่ได้รับความนิยมและเชื่อถือได้คือ ชุดตรวจอินสติ (INSTI)

คุณสมบัติเด่นของอินสติ:
  • ทราบผลได้ภายใน 1 นาที ซึ่งเร็วที่สุดในตลาด
  • ตรวจพบเชื้อได้ตั้งแต่ 21 วันหลังสัมผัส
  • ใช้งานง่าย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ซับซ้อน
  • ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล เช่น WHO Prequalification

 

รณรงค์ให้คนตระหนักถึงการตรวจเอดส์ด้วยตัวเอง

การตรวจเอชไอวีด้วยตัวเองช่วยลดอุปสรรค เช่น ความอาย ความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว หรือการเข้าถึงสถานพยาบาลในพื้นที่ห่างไกล การรณรงค์ในเรื่องนี้ควรเน้นที่:

  • การให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการตรวจ
  • การเลือกใช้ชุดตรวจที่มีมาตรฐาน เช่น อินสติ
  • การสร้างความเข้าใจว่า การตรวจเอชไอวีไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่เป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันและดูแลสุขภาพ

 

การตรวจเอชไอวีเป็นเรื่องสำคัญที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยง การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมและวิธีการตรวจที่แม่นยำ เช่น การใช้ชุดตรวจอินสติ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการป้องกันการแพร่เชื้อและเริ่มต้นการรักษาได้ทันที

การตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจ ไม่เพียงช่วยดูแลสุขภาพส่วนบุคคล แต่ยังเป็นการดูแลสุขภาพของชุมชนโดยรวมในระยะยาว

 

 


อินสติ

อินสติ มีจำหน่ายที่ร้านขายยาทั่วไป สามารถเข้าไปค้นหาร้านขายยาที่มีอินสติ ได้ที่ ร้านจำหน่าย INSTI 

หรือสั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชัน Grab , LINE MAN , Foodpanda , Lalamove เข้าไปที่แอพแล้วเลือกร้าน Boots เสิร์จ คำว่า ชุดตรวจเอชไอวี หรือคำว่า อินสติ หรือ Insti

ผ่านอีกหนึ่งช่องทางคือสั่งซื้อผ่านทางผู้นำเข้าโดยตรง ได้ที่

Line OA: @insti

Facebook: อินสติ insti ชุดตรวจเอชไอวี

Shopee: INSTi_THAILANDHIVTEST

Lazada: INSTi_THAILANDHIVTEST

Tiktok: อินสติ INSTI หรือ Insti.thailand-v2

Line Shopping: insti

Website: thailandhivtest.com